Home
|
ข่าว

ครม. เห็นชอบสลากการกุศล หนุน ODOS 11 ล้านฉบับ

Featured Image

 

 

“จุลพันธ์” เผย ครม. มีมติเห็นชอบสลากการกุศล หนุน ODOS ชี้! งบปี 69 ขาดดุลราว 8.6 แสนล้าน ยังเป็นไปตามกรอบกฎหมาย หลังฝ่ายค้านโต้ตัวเลขขาดดุลสูงเกินไป

 

 

 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติเห็นชอบทบทวน หลักการและแนวทางการพิจารณาออกสลากการกุศล โดยยังคงอยู่ในกรอบโควต้า 11 ล้านฉบับ เป็นระยะเวลา 2 ปี กรอบวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ หนึ่งในนั้นคือด้านการศึกษา ใช้ในการดำเนินโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือ ODOS เพื่อขยายโอกาสให้เยาวชนในต่างจังหวัดเข้าถึงการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สถานศึกษาทำเรื่องขอเข้ามา

 

 

หลังจากนี้ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะดำเนินการเตรียมงวดของสลาก และเตรียมในขั้นตอนให้ส่วนงานต่างยื่นคำขอ คาดว่าช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม จะเปิดรับคำขอดังกล่าว ใช้เวลาราว 1 เดือน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงคำขอโครงการ ODOS ด้วย โดยเงินรางวัลที่ได้จะต้องผ่านคณะกรรมการสลากการกุศล ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน

 

 

สำหรับกรอบงบประมาณปี 2569 ขาดดุลประมาณ 8.6 แสนล้านบาท ซึ่งฝ่านค้านมองว่ายัง เป็นตัวเลขที่สูง สาเหตุรัฐบาลต้องตั้งตัวเลขขาดดุลงบประมาณให้สูงนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า เข้าใจได้ โดยงบประมาณของรัฐเป็นหนึ่งในตัวของการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ กระบวนการในการตั้งงบประมาณต้องดูเรื่องกรอบวินัยทางการเงินการคลัง / พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้น กรอบที่กำหนดผ่านมติของ ครม. ในวันนี้ เป็นกรอบที่ได้วางเอาไว้ และคณะกรรมการประชุมร่วม 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ฯ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการหารือกัน และนำเสนอ ครม. โดยมีความเห็น เช่น จากกระทรวงการคลัง มีหน้าที่ในการดูแลการจัดเก็บรายได้ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยดูในเรื่องของกรอบเงินเฟ้อ เพื่อที่จะให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่มีความพอดี ให้ได้ตามกรอบเป้าหมาย 1-3 % และให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง

 

 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะทำให้เงินเฟ้อเข้าใกล้ 2% ตามที่ตกลงไว้ โดยเรื่องนี้ต้องให้เวลาที่ ธปท.จะทำให้เงินเฟ้อเข้ากรอบและค่ากลางที่ 2%

 

 

ขณะที่ รัฐบาลเอง เมื่อได้รับคำขอ จึงมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท กู้เงินชดเชยการขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท  ซึ่งมีการขาดดุลงบประมาณลดลง 5 พันล้านบาท กรอบงบประมาณรวมเพิ่มขึ้น 2.7 หมื่นล้านบาท และจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561

 

 

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณี หากมีการปรับลดค่าไฟฟ้าลง กระทรวงการคลังจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยลดภาษีหรือไม่นั้น ก็ต้องมีการพูดคุยกันก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นโจทย์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งค่าไฟฟ้าได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมาโดยตลอดเป็นเวลากว่า 1 ปี หลังจากนี้ หากมีการปรับโครงสร้างด้วยการปรับลดค่าไฟฟ้าลง ก็จะขึ้นอยู่กับหน่วยงานหลักที่จะเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรงอย่างกระทรวงพลังงาน ส่วนกระทรวงการคลัง เป็นเพียงหน่วยงานจัดเก็บรายได้ หากมีการใช้ในเรื่องของการจัดเก็บภาษี หลังจากนี้ก็ต้องหารือกัน และพร้อมที่จะทำ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube