Home
|
ข่าว

“อัจฉริยะ” ยื่น กมธ.มั่นคง โยง “ทักษิณ” ชี้จุด คอลเซ็นเตอร์

Featured Image

 

 

“อัจฉริยะ” ยื่น กมธ.มั่นคง โยง”ทักษิณ” ชี้จุด คอลเซ็นเตอร์ ปอยเปต จี้ตรวจสอบเพิ่มเติมหลังมีคลิปคนไทยตกตึกชั้น 18

 

 

 

 

กรณีที่เพจดังนำคลิปคนไทยตกตึกชั้น 18 เสียชีวิต ที่ปอยเปต ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่นายทักษิณเคยชี้จุด ว่าเป็นศูนย์กลางของกลุ่มกระบวนการคอลเซ็อนเตอร์ในกัมพูชา ทางด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จึงเดินทางมายื่นหนังสือหลักฐานเพิ่มเติมให้กับทางกมธ.ความมั่นคงฯ เพื่อให้ตรวจสอบในเรื่องนี้เพิ่มเติม

 

นายอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ปรึกษากรรมาธิการความมั่นคง ยื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดถึงกรณีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ตึก 25 ชั้นในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่า เป็นศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์

 

ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการทำก่อนที่นายทักษิณจะออกมาพูดโดยมีการทำแผนที่และส่งสายลับ พบว่า 2 อาคารนี้ มีการปิดหน้าต่างมิดชิดทุกบ้านเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ภายในอาคารหลบหนีได้ ซึ่งเมื่อคืนวานนี้ (8 ม.ค.) มีชาวไทยกระโดดลงมาจากตึกเสียชีวิต คาดว่าเป็นการหลบหนี เนื่องจากชั้นล่างของตึกมีการรักษา
ความปลอดภัยแน่นหนาของกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ จึงได้มีการสำรวจเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดอยูในเอกสารที่นำมาให้คณะกมธ.โดยเป็นการชี้จุดว่าเป็นตำแหน่งใดบ้าง

 

ในขณะนั้นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจับกุมบวนการคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงินของกลุ่มชาวจีนสีเทา พร้อมอายัดทรัพย์ จำนวน 700 ล้านบาท และได้มีการแถลงข่าวที่เมืองทองธานี ทั้ง2 กรณีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับผับจินหลิง ปรากฎว่าภายหลังมีการส่งของกลางทั้งหมดให้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และพบว่าเป็นชาวจีนที่สวมบัตรประชาชนไทย แต่ได้รับการปล่อยตัวไปโดยไม่มีความผิดแต่อย่างใด

 

รวมทั้งทรัพย์สินเงินสดมูลค่าเกือบ100 ล้านบาท และรถของกลางทั้งหมดก็ได้คืนให้ผู้ต้องหาทั้งหมดและไม่ได้มีการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาอย่างใดแม้แต่รายเดียว จึงเกิดคำถามว่าเรื่องนี้ส่อทุจริตหรือไม่จึงนำมายื่นต่อคณะกรรมาธิการให้ตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นการที่แถลงใหญ่โตว่ามีการจับกุมกว่า 700 ล้านบาทแต่ไม่มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแม้แต่รายเดียวกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์และตำรวจนนครบาลมีผลประโยชน์อะไรหรือไม่

 

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่าทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ติดตามและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และทุนสีเทาคอลเซ็นเตอร์ ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ทำลายการท่องเที่ยวของประเทศไทย และมีผลกระทบด้านอื่น ๆ ด้วยเพราะเงินไทยไหลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปีหนึ่งน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท

 

สำหรับกรณีคนไทยโดดตึกชั้น 18 ข้อมูลที่มีจะคล้ายกับลักษณะตึกที่เป็นฐานทัพของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชั้นล่างเป็นเหล็กดัด มียามเฝ้าหนาแน่น หากจะออกจากตึกต้องมีวิธีการเดียวการกระโดดก่อนหน้านี้มีชาวจีนเคยหนีโดยการกระโดดมาแล้วแต่รอดชีวิตเพราะมีชาวบ้านช่วยไว้ จึงหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ การพยามหลบหนีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยที่เสียชีวิต แต่ด้วยความสูง 18 ชั้นอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้น หรือมีการใช้ความรุนแรง หรือโยนออกจากตึกก็เป็นไปได้ คงจะต้องติดตามต่อไป

 

อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการพิจารณาเรื่องว้าแดง และ 4 ลูกเรือประมงไทย เราพยายามเรียกร้องให้ใช้ทุกวิถีทางให้คนไทยได้กลับบ้าน ซึ่งจะมีการพูดคุยสอบถามกันเรื่องนี้ ยืนยันว่าจะไม่จบแค่วันนี้สิ่งสำคัญคือ เราต้องช่วยกันทำให้รัฐบาลรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้

 

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงควรกำหนดให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการ ติดตามเรื่องนี้ทั้งทางส่วนตัวในฐานะ สส. และในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ เพื่อให้กระบวนการคอลเซ็นเตอร์ แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอ่อนแอที่สุด คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ อย่างเดียว คงไม่สามารถทำได้ เราพยายามให้รัฐบาลมีความเห็นตรงกันกับเราว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และดำเนินการอย่างจริงจัง รวมไปถึงเรื่องบรรดามาเฟียสีเทาด้วย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube