“หมอกล้า” เปิดใจคิดปิดคลินิกหนีไป ตจว.เชื่ออนาคตถูกทำร้ายซ้ำอีก

“หมอกล้า” เปิดใจ เริ่มคิดปิดคลินิกหนีไปต่างจังหวัด เชื่ออนาคตถูกทำร้ายซ้ำอีก พุ่งเป้าให้ใบหน้าเสียโฉม ยอมรับเคยจ้างนักสืบเอกชนค้นหาประวัติคนไข้สาวคู่กรณี ด้านตำรวจบุกค้นย่านคลองเตย แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย
นพ.ชเนษฎ์ ศรีสุโข หรือ หมอกล้า แถลงเปิดใจ หลังเขาให้ปากคำอย่างเป็นทางการ กับตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ยืนยันคนร้ายที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายตน เป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุ ทำร้ายผิดตัว เมื่อกลางปี 2567 รวมทั้ง กรณีคนไข้สาวรายหนึ่งแฝงตัวมาปรึกษาปัญหาลดน้ำหนัก แต่ภายกลับนำเรื่องไปร้องเรียนแพทยสภาจนถูกตรวจสอบทางด้านวิชาชีพ และตำรวจเข้าค้นคลินิก จึงปักใจว่า ทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นนายจ้างกลุ่มเดียวกันที่ว่าจ้างให้มาทำร้ายตน โดยหวังทำให้ใบหน้าเสียโฉม เช่น จมูกหัก เนื่องจากตนเป็นแพทย์ด้านความงาม เชื่อว่าคนร้ายไม่หวังจะเอาถึงชีวิต เพียงให้ตกใจกลัว เท่านั้น
ทั้งนี้ ตนเคยว่าจ้างนักสืบเอกชน ให้สืบเสาะประวัติหญิงสาวที่แฝงตัวมาลดน้ำหนักแล้วไปร้องแพทย์สภาว่ามีจุดประสงค์ อะไรถึง ทำในลักษณะดังกล่าว โดยนักสืบหาข้อมูล จนพบว่าหญิงรายดังกล่าว เป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจความงาม และตนพยายามขอพูดคุยกับหญิงสาวรายดังกล่าวแต่เธอไม่พูดด้วย ซึ่งภายหลังยังมีการย้อนกลับมาถ่ายภาพคลินิกเป็นระยะ
“หมอกล้า” ยืนยัน ส่วนตัวไม่มีปัญหาบาดหมางกับใคร หรือกับอดีตแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกรา ก็จบกันด้วยดี ซึ่งอดีตแฟนเก่าก็มีชีวิตที่ดี ส่วนตัวคงตนก็ไม่เกี่ยวข้องกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่าเป็นคนที่ต่อต้านการพนันออนไลน์ โดยจะบริจาคเงิน หรือให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปราบปรามการพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ถูกลอบทำร้ายได้หรือไม่ ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไว้แล้ว แต่ตำรวจคิดว่าไม่เป็นประเด็น
อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่า หากไม่ปิดกิจการความงามที่กรุงเทพฯ และแม้ว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้ แต่เหตุการณ์ทำร้ายซ้ำๆ แบบนี้ ก็ยังจะเกิดขึ้นได้อีกแน่นอน จึงเริ่มคิดเหมือนกันว่า ว่าอาจต้องปิดกิจการสาขาในกรุงเทพฯ เพื่อกลับไปทำงานที่จังหวัดพิจิตรดีหรือไม่ แต่ก็เป็นห่วงพนักงานจำนวนหลายร้อยชีวิต ที่จะได้รับผลกระทบ
ด้าน พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับ สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยความคืบหน้าในการติดตามตัว 2 คนร้ายที่ก่อเหตุทำร้ายนายแพทย์ชเนษฎ์ ว่า จากการตรวจสอบวงจรปิด โดยชุดสืบสวนไล่กล้องไปสุดที่ย่านคลองเตย จึงมีการเข้าตรวจค้นในพื้นที่คลองเตย ที่คาดว่าเป็นที่พักอาศัย ปรากฏว่าไม่พบตัวขณะนี้จึงมีการเฝ้าระวัง พื้นที่ไว้
ส่วนการสอบปากคำผู้เสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ให้ปู้เสียหายชี้ภาพถ่ายคนร้ายยืนยัน ซึ่งสามารถชี้ตัวบุคคลยืนยันและระบุชื่อที่อยู่ได้อย่างชัดเจน โดยพบคนร้ายเป็นบุคคลที่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจกำลังเร่งติดตาม คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews