“อนุทิน” ผุดไอเดีย มอบเงินช่วยเหลือหยุดเผาแก้PM2.5
![Featured Image](https://www.innnews.co.th/wp-content/uploads/2025/01/อนุทิน-14-scaled.jpg)
“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะถกหน่วยงาน ระดมแก้ฝุ่น-หมอกควัน ผุดไอเดีย มอบเงินช่วยเหลือหยุดเผา ฮึ่ม ควํ่าบาตรสินค้าเกษตรนําเข้า ที่มาจากการเผา
การประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายกลุ่มผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการติดตามการแก้ไขปัญหาของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีการติดตามการแก้ไขปัญหาลดการเผา โดยการจัดหาพื้นที่ฝั่งกลบซากพืชให้กับเกษตรกรในจังหวัดต่าง ๆ และการหามาตรการลด ฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพมหานคร ผ่านมาตรการด้านการจราจร ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมไปถึงมาตรการป้องกันในระยะสั้น เช่น การจัดการให้ประชาชนทำงานที่บ้าน ปิดโรงเรียนเด็กเล็กในช่วงที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับวิกฤต
นอกจากนี้จะมีการยกระดับปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่ที่มีจุดความร้อนสูง (HotSpot) ในจังหวัดกาญจนบุรี ชัยภูมิ ลพบุรี ตาก และนครราชสีมา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาในศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดีขึ้น เข้มงวดตรวจการเผาในพื้นที่ จัดหาแหล่งฝังกลบให้กับเกษตรกร
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสถานการณ์นี้อย่างมากนี้อย่างมาก ซึ่งได้ติดตามและประสานงานประชุมและเรียกประชุมหารือกับตนตลอดเวลา ในช่วงที่นายกเดินทางไปต่างประเทศ และตนได้รายงานไปว่า
เราทุกคนมีความพร้อมในการรับมือป้องกันและแก้ไข นอกจากนี้นายกยังมีข้อสั่งการ ให้ตนแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นที่ปรึกษาบกปภ.ช.
นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อวันจันทร์(27 ม.ค.) ที่ผ่านมา ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีจุดความร้อนเยอะที่สุด เพราะมีการเผาพืชผลการเกษตรมากที่สุด ซึ่งข้าราชการจังหวัดทั้ง 17 ในภาคเหนือ ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ห้ามเขา และมีการสั่งการยกระดับทุกมาตรการ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดใช้ระบบเบ็ดเสร็จ(single command)
เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ตนจึงขอความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน การทำงานร่วมกันครั้งนี้ เป็นรูปแบบตัวแทนรัฐบาล ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยไปสั่งงานกระทรวงใด แต่ทำภาจใต้พ.ร.บ.ป้องกันสาธาณภัยแห่งชาติ และขอให้นำความไปแจ้ง เพื่อให้หน่วยงานให้ความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด
นายอนุทิน กล่าวว่า หากเราร่วมมือกันเต็มที่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เพราะปัญหามาจากการเผา หากลดการเผาได้ มลภาวะทางอากาศก็จะลดลง จึงไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนบ้านจะทำอย่างไรเราต้องจัดการในบ้านของเราให้เรียบร้อยก่อน ถ้าในบ้านเราเรียบร้อยแล้วแล้วยังมีเหตุ มาจากเพื่อนบ้าน ก็จะมีความกดดันมายังรัฐบาลรัฐบาลก็จะต้องเร่งไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในการคว้ำบาตร ไม่อุดหนุนสินค้าทางการเกษตร หากมาจากการเผาวัชพืชเหล่านี้ และก่อให้เกิดมลพิษข้ามมายังประเทศเรา สิ่งสำคัญคือเราต้องดำเนินการแก้ไขในบ้านของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน
นายอนุทิน กล่าวว่า ที่อำเภอแม่แจ่มอำเภอเดียวอาจทำให้ หมอกควันปกคลุมทั้งประเทศไม่ใช่แค่เชียงใหม่อย่างเดียว เพราะมีซังข้าวโพด ถึง 700,000 กิโลกรัม ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ซึ่งต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด เช่นที่เชียงใหม่ที่ทำคือให้มีการฝังกลบ หรือแปรสภาพเศษซังข้าวโพด ซึ่งรัฐต้องสนับสนุน เครื่องจักรเข้าไป? หรือนำไปเป็นเชื้อเพลิงไบโอเพาเวอร์ เอาไปเป็นไอน้ำความร้อนฝ่ายผลิตไฟฟ้า เอาไปแปรสภาพเป็นอาหารสัตว์ หรือทำปุ๋ยชีวภาพ แต่ภาครัฐต้องช่วย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ?ชเราเจอภัยพิบัติมาโดยตลอด ต้นปีภาคเหนือไตรมาส 3 ภาคกลางไตรมาส 4 ภาคใต้ เราใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยทดแทนความเดือดร้อน หลังคาเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ใกล้เคียงกัน น้ำลดหรือเพิ่มเกิน 3 วัน ชาวบ้านได้เงิน แต่กรณีหมอกควันยังไม่เกิดขึ้น เราจะเอาเงินไปให้ชาวบ้านก่อนไม่ได้
ซึ่งต้องเกิดการเผา และเกิดมลพิษควันดำก่อน เพราะกว่าจะเอาเงินออกมาได้ความเสียหาย ค่ามลพิษต้องเกิน 150 ไมโครกรัม หากไปถึงจุดนั้นประเทศไทยมืดมิดไปทั้งประเทศ ถึงจะนำเงินไปใช้ได้ จึงขอข้อแนะนำช่วยกันคิดการสนับสนุนของแต่ละจังหวัดในการผลักดันให้มีงบช่วยเหลือ ชาวบ้านก่อนเพื่อที่จะให้หยุดเผา เป็นจุดที่ต้องวางมาตรการ มันดูเหมือนภัยพิบัติแต่การช่วยเหลือแตกต่างกัน ในส่วนนี้ขอความร่วมมือทุกฝ่ายความมั่นคงทหาร ตำรวจ
ภาครัฐเกษตรทรัพยากร และหน่วยงานเทคโนโลยีให้ช่วยกัน ส่วนที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเดือดร้อน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews