แก๊งคอลฯจีนเทาล้ม ”รัฐบาลอิ๊งค์”
งานเข้าเต็ม ๆ“รัฐบาลอิ๊งค์”และทำท่าจะกลายเป็น “เรื่องใหญ่”ระดับอาเซียน ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่อง “ฝุ่น”ที่รัฐบาลบอกว่า เป็นเรื่องนานาชาติ กับการออกมาแอ๊คชั่นต่อเนื่องจาก“รัฐบาลจีน”กับปม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”ที่บังเอิญมาในช่วง “ตรุษจีน”พอดี
อย่างที่เมื่อวาน(28ม.ค.) “นายหลิวจงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ยังสวมหมวก ผู้บัญชาการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมือสอยที่อุ้ม “โจรไซเบอร์จีนเทา” กลับไปยิงเป้าที่จีนแผ่นดินใหญ่หลายคนแล้ว และคณะรวม 12 คนเดินทางมาประเทศไทยและเข้าหารือกับ “พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร” จเรตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นคิวแรก ก่อนที่วันนี้(29ม.ค.)จะไปบุกที่ชายแดนไทยที่เชื่อมต่อกับ “เมืองบาป”แหล่งขบวนการผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซนเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ ฝั่งเมียวดี ที่มีบรรดาผู้นำกองกำลังกระเหรี่ยงถูกกล่าวหาเข้าไปพัวพัน
โดยข้อหารือระหว่าง 2 ฝ่าย ออกมาทำนอง 1.“หลิวจงอี้” ประสงค์ที่จะเห็นความร่วมมือในการปราบปราบโจรไซเบอร์ ระหว่างจีนและไทย 2.เสนอให้ตั้งศูนย์ประสานงานไทยจีน 3.จีนประสงค์จะเห็นไทยตัดเส้นทางขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้ในทุกรูปแบบ ตั้งแต่ปิดทางผ่านของโจร ไปจนถึงการตัดน้ำ ไฟตัดสายอินเตอร์เน็ต เพราะแต่ละกิจการ“เมืองบาป”เหล่านั้น
อยู่มาได้ถึงวันนี้ เพราะการใช้น้ำใช้ไฟใช้อินเตอร์เน็ตจากฝั่งไทย และใช้ไทยเป็นทางผ่านหลอกลวงผู้คนจำนวนมากจากหลายประเทศรวมถึงคนจีนตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์โดยมาระเบิดระเบอเป็นข่าวใหญ่ในจีนจากเคสของ “ชิงซิง”ดาราตัวประกอบ ที่แม้ตำรวจไทย จะสามารถนำตัว “ซิงซิง”กลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตจากชาวโซเชียลในจีนรวมถึงผู้คนในรัฐบาลจีน
อย่างที่ปรากฏผ่าน “สัญญาน”ประกาศิต”สี จิ้นผิง”ปราบแก็งคอเซ็นเตอร์ ผ่าน เสนาบดีฯคู่บารมี”หวังอี้”รมต.ต่างประเทศจีน ที่นัดพบทูต 10 ชาติอาเซียนรวมถึงไทย หารือการปราบปรามขบวนการหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่กรุงปักกิ่ง วันที่ 16ม.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุให้“ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ”ในการจัดการถอนรากถอนโคน โดย“หวังอี้” บอกว่า คดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและร้ายแรงมาก คุกคามและทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่าง ๆ
เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ทางการจีนหวังว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องจะมีความรับผิดชอบใช้มาตรการที่เด็ดขาด เพื่อปราบปรามการหลอกลวงและพนันออนไลน์ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนและทรัพย์สิน ต้องไม่ให้ขบวนการกระทำผิดท้าทายจากกฎหมาย ฝ่ายจีนยินดีร่วมมือกับประเทศอาเซียน
เพื่อดำเนินการทางกฎหมายและสร้างความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนของทุกประเทศไปมาหาสู่กันได้อย่างสบายใจ และรักษาความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ
เรียกว่าถือเป็น “สัญญานแรง”ที่ถูกส่งมาโดยเฉพาะการ “กาหัว”ที่ว่า “ประเทศที่เกี่ยวข้อง”ต้องรับผิดชอบที่ยังไม่นับรวมกับรายการข่าวข้อเรียกร้องให้ไทยส่งตัว “ผู้ต้องหาจีนเทาคนสำคัญ”ที่ติดคดีอยู่ในไทยรายหนึ่ง ซึ่งแม้จะดูเป็นกระบวนท่าของจีนที่มักใช้บทมารยาทก่อนใช้กำลัง เนื่องจากฐานปฏิบัติการ ของขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้ อยู่ในต่างแดน ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายของจีน แต่หากยังไม่ได้ผล ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมี “ปฏิบัติการร่วม” ระหว่างประเทศ เหมือนที่เคยเข้าไปจัดการกับ “สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกก้าง”
ในพม่ามาแล้ว ที่เมื่อเชื่อมต่อกับ “สัญญาน”วันนี้ และเมื่อวานนี้ กับการมาของ “หลิวจงอี้”และคณะที่คุยกับตำรวจไทยและลงพื้นที่ชายแดนเอง ย่อมถือเป็น “อัตราเร่ง”ที่ไทย โดย “รัฐบาลอิ๊งค์”ต้องแอ๊คชั่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกวิจารณ์บางฝ่ายบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังออกอาการยึกยักกับผลประโยชน์ที่จะเสีย
แม้จะถูกกดดันจาก “ฝ่ายค้าน”ผ่านกรรมาธิการหรือการตั้งกระทู้ถามรัฐบาล
อย่างที่เห็นเมื่อวาน “ครม.อิ๊งค์” ได้ให้เห็นชอบ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้อำนาจเด็ดขาดเจ้าหน้าที่ จับกุม-เพิกถอน-เพิ่มโทษ เจ้าของแอปฯ ธนาคาร เครือข่ายมือถือ ลอยตัวไม่ได้ที่คาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ในเดือนก.พ. โดย “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกรัฐบาลบอกว่าเป็นไปตามที่กระทรวงดีอีจะนำเสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยมีเหตุผลความเร่งด่วนตามการชี้แจงในที่ประชุม ครม.ที่รัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหาย รวมถึงกฤษฎีกายังเห็นว่าหาก ครม. พิจารณาแล้ว เห็นว่าการกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ และเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ย่อมสามารถพิจารณาอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวได้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews