YLG ชี้ทองโลกลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ ไทยมีโอกาสทะลุ 5 หมื่น
![Featured Image](https://www.innnews.co.th/wp-content/uploads/2025/02/ทองโลก.jpg)
YLG ชี้ทองโลก ลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ หลังพุ่งทำ All Time High ที่ 2,882 ดอลลาร์ ทองไทยมีโอกาสแตะ 50,000 บาท หากเงินบาทอ่อนค่า
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ ตลอดกาลที่ 2,882.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 45,650 บาทต่อบาททองคำ ในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นผลมาจากความกังวลในความไม่แน่นอนด้านนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายการค้า อย่างการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าในหลายประเทศ และการกีดกันแรงงานข้ามชาติ ซึ่งถูกประเมินว่า แม้อาจส่งเสริมการค้างตัวในระดับสูงของเงินเฟ้อสหรัฐ จนสร้างให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ตามแผน
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต กับภาวะทางการคลังของสหรัฐที่จะย่ำแย่ลง โดยภาพรวมความไม่นอนเหล่านี้จึงยังคงสนับสนุนราคาทองคำ
โดยนโยบาย tariff ไม่ได้มุ่งเน้นไปเพียงแค่ประเทศคู่ขัดแย้ง เช่น จีน เท่านั้น แต่ยังมุ่งเป้าไปยังพันธมิตร ทั้งแคนาดา ลาติน และยุโรป จากความไม่แน่นอนในการดำเนินโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ครั้งนี้ที่มีผลให้เกิดความเสี่ยงทั้งในประเด็นสงครามการค้า, เงินเฟ้อในสหรัฐ, อัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ นักลงทุนจึงเล็งเห็นถึงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก ราคาทองคำจึงอาจเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไป
อีกทั้ง มีแรงซื้อทองคำอีกส่วนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดเกิดประเด็นที่ทรัมป์เรียกฉนวนกาซาว่าเป็น “พื้นที่ที่ถูกทำลาย” พร้อมประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา และให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกไปตั้งถิ่นฐานในประเทศเพื่อนบ้าน แม้ในตอนนี้จะอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง และการปล่อยตัวประกัน ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสก็ตามในขณะที่ บรรดา 5 ชาติอาหรับทั้ง จอร์แดน, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ร่วมลงนามจดหมายคัดค้านแผนการย้ายชาวปาเลสไตน์
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำนั้นมองว่าระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่มองว่าหลังผ่าน 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มีโอกาสที่จะได้เห็นเป้าหมายถัดไปที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปีนี้ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศนั้นก็มีโอกาสที่จะได้เห็น 50,000 บาทต่อบาททองคำในปีนี้เช่นกัน
หากค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ในโซน 35.10-35.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำนั้นแนะนำให้หาจังหวะราคาทองคำย่อตัว โดยทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงจะมีการย่อตัว สามารถใช้จังหวะนั้นเข้าซื้อโดยแบ่งเงินลงทุนออกเป็นส่วนๆ และทยอยเข้าซื้อทีละส่วน โดยแนะนำแนวรับในการเก็งกำไรระยะสั้น 2,844 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนแนวรับหลักมองแนวถัดไปที่โซน 2,830-2,811 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews