รบ.เตือนปชช.ดูแลสุขภาพ ระวัง “โรคหลอดเลือดสมอง”

รัฐบาลเตือนประชาชน ดูแลสุขภาพ ระวัง “โรคหลอดเลือดสมอง” ชี้คร่าชีวิตคนไทยกว่า 39,086 คน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง แนะมุ่ง “ป้องกันดีกว่ารักษา”
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข รายงานข้อมูลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ปี 2567 ของระบบรายงานฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) พบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสะสม 358,062 คน และเสียชีวิต 39,086 คน ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุด โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น ในปี 2563 – 2565 พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่กว่า 2,000 คนต่อปี
นายคารม กล่าวว่า รัฐบาล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มุ่งสร้างศักยภาพชุมชนเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพ ด้วยแนวทาง “ป้องกันดีกว่ารักษา” เพื่อลดภาระด้านสาธารณสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว จากความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย ซึ่งจากการดำเนินโครงการ “ชุมชนลดเสี่ยง ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง บ้านกุดโง้ง หมู่ 3″การ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
มุ่งเน้นพลังชุมชนขับเคลื่อนสุขภาวะด้วยองค์ความรู้ สร้างการมีส่วนร่วม และพัฒนากลไกที่ยั่งยืนเพื่อป้องกันโรค NCDs โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ส่งผลให้กลุ่มผู้ป่วยในชุมชนบ้านกุดโง้งสามารถควบคุมค่าความดันโลหิตเพิ่ม5&-; ขึ้นจาก 16 คน เพิ่มเป็น 36 คน สะท้อนผลลัพธ์เชิงประจักษ์ภายใน 90 วัน สำหรับปัจจัยที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จมี 5 ประเด็น คือ
1.สำรวจข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง 2.ส่งเสริมให้ประชาชนปรับพฤติกรรมสุขภาพ 3.อบรมให้ความรู้ 4.สร้างพันธสัญญา 90 วันเพื่อสุขภาพดี ลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย และลดปัจจัยเสี่ยงอย่างบุหรี่และสุรา ผ่าน “ข้อตกลงร่วมของชุมชน” เช่น ทุกครัวเรือนปลูกผักกินเอง กิจกรรมออกกำลังกายประจำสัปดาห์ งานบุญปลอดเหล้า และ 5.เฝ้าระวังประเมินพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างวัฒนธรรมสุขภาพที่ดีให้กับชุมชนในระยะยาว
“รัฐบาล มุ่งพัฒนาศักยภาพภาคีให้ได้เรียนรู้แนวทางการกระจายโอกาสการสร้างเสริมสุขภาพ ให้เกิดผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพและปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน ”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews