กรมพัฒนาธุรกิจฯ เดินหน้ายกระดับศก.ชุมชนเน้นสร้างเอกลักษณ์

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เดินหน้ายกระดับเศรษฐกิจชุมชนสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นนิยม เน้นสร้างเอกลักษณ์สินค้าและบริการเฉพาะแต่ละพื้นที่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค พร้อมเผยแผนพัฒนาธุรกิจ SME ปี 2568
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้นำคณะผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงพื้นที่ จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา พบปะผู้ประกอบการชุมชนสาขาต่างๆ เช่น ธุรกิจ ESG ธุรกิจ Wellness ธุรกิจร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งเป็นธุรกิจเป้าหมายที่กรมฯ ให้การสนับสนุนส่งเสริม และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการชุมชนเป็นแนวทางการบริหารงานภาครัฐที่กระทรวงพาณิชย์โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งสร้างความเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของผู้ประกอบการท้องถิ่นในทุกมิติ
โดยใช้กระบวนการประชาคมแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจากภาคธุรกิจแต่ละพื้นที่ ผ่านกลไกการจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจที่เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาท้องถิ่น แผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนาประเทศ มีความสอดคล้องในทุกระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับโอกาสและศักยภาพของผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่
จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถเติบโตในรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป แต่ต้องมองหาการเติบโตรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับบริบทการค้าโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเติบโตและปรับเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่จะเป็นการเติบโตแบบยั่งยืนและมีฐานทางธุรกิจที่กว้างขวางมากขึ้น
โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งปัจจุบันประชากรมากกว่า 70% อยู่นอกพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง ธุรกิจมีการกระจายตัวอยู่นอกพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยเช่นกัน การผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นนิยมระดับประเทศ จำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์และจุดเด่นสินค้าและบริการแต่ละพื้นที่ให้มีความแตกต่าง รวมถึงต้องแข่งขันได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ แต่สินค้าและบริการมีมูลค่าสูง
เป้าหมายหลักของการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนสู่การเป็นเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยม คือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศจากมุ่งให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจเมือง และพึ่งพาการลงทุนจากชาวต่างชาติเป็นหลัก เป็นการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนให้เป็นเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยมที่มีความเป็นสากล ใช้เศรษฐกิจท้องถิ่นนิยมขับเคลื่อนบริบทเศรษฐกิจประเทศ โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้ท้องถิ่นเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อให้สอดรับกับการยกระดับผู้ประกอบการชุมชนสู่การเป็นผู้ประกอบการเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยม ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ 1) สร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการและการใช้เทคโนโลยี 2) พัฒนาสู่มาตรฐานการบริหารจัดการที่ดีเทียบเท่าระดับสากล และ 3) สร้างโอกาสทางการตลาดและขยายเครือข่ายทางธุรกิจ โดยปี 2568 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผู้ประกอบการ จำนวน 15,000 ราย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2,100 ล้านบาท
กำหนดธุรกิจเป้าหมายและแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ SME ของไทยที่สำคัญ เช่น
1. สร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ ปัจจุบัน มีธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทย 663 กิจการ ในจำนวนนี้ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ 545 กิจการ โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการ พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ ยกระดับสู่เกณฑ์มาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์ จัดประกวด Thailand Franchise Award 2025 นำผู้ประกอบการแฟรนไชส์เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และ พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยก้าวสู่สากล เป้าหมายรวม 750 ราย
2. สร้างศักยภาพธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทย ปัจจุบัน มีธุรกิจโลจิสติกส์ 35,668 ราย ในจำนวนนี้ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ 14,577 ราย และผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจ 1,051 ราย
3. ส่งเสริมร้านอาหารไทยให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในประเทศไทย 496 ร้าน อยู่ในภาคกลาง 189 ร้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 87 ร้าน ภาคเหนือ 96 ร้าน ภาคใต้ 87 ร้าน และภาคตะวันออก 37 ร้าน ในจำนวนนี้มีร้านอาหาร Thai SELECT ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 82 ร้าน เชียงใหม่/พระนครศรีอยุธยา 20 ร้าน กระบี่/นนทบุรี 16 ร้าน ภูเก็ต 12 ร้าน และ ขอนแก่น/ชลบุรี 11 ร้าน โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการ ปรับภาพลักษณ์ (ReBranding) ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โดยจะปรับตราสัญลักษณ์ เป็นดาวเกียรติยศ Thai SELECT 3.2) สร้างโอกาสทางการตลาดและส่งเสริมตลาดเชิงรุกในยุคดิจิทัล/การตลาดตามแนวคิด BCG การใช้อัตลักษณ์ท้องถิ่น หรือ GI กระตุ้นยอดขาย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และสร้างการรับรู้ Soft Power อาหารไทย ร้านอาหารไทย เป้าหมายรวม 300 ราย
4. ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม และธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โดยได้ดำเนินงาน เสริมสร้างองค์ความรู้การบริหารจัดการธุรกิจ เพิ่มศักยภาพทางการค้าด้วยเทคโนโลยียุคดิจิทัล โดยอบรมเชิงลึกด้านบริหารจัดการธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ สมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย สมาพันธ์สมาคม สปาแอนด์เวลเนสไทย และสมาคมด้านการท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขยายโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบธุรกิจสุขภาพ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews