Home
|
ข่าว

นายกฯตอบซื้อหุ้นทำตามกม.พร้อมแจงปปช.ลั่นไม่หนีภาษี

Featured Image
นายกฯ แจงถูกกล่าวหาทำนิติกรรมอำพราง ใช้ตั๋ว PN ซื้อเชื่อหุ้น ยันทำตามกฎหมาย-พร้อมแจง ป.ป.ช. ลั่นไม่หนีภาษีอยู่แล้ว โต้ “วิโรจน์” ผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำให้แตกแยก ย้ำที่ดินอัลไพน์ มีโฉนด

 

 

 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังการอภิปรายของ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.พรรคประชาชน ว่า ตอนเช้ามีสมาชิกอภิปรายเข้าใจว่าตนเป็นจอมยุทธ์ ซึ่งเข้าใจผิดในเรื่องของข้อเท็จจริง การใช้โวหารสำนวนต่างๆเพื่อให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนเอาเลื่อนภาษีซึ่งเป็นคนละหมวดมา ทำให้เกิดความสับสน ขอยืนยันว่าการปฏิบัติถูกต้องตามกระบวนการข้อกฎหมายทุกอย่าง

 

 

 

ส่วนที่กล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี คนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริงเลย แต่เป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม แม้ตนจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่มั่นใจว่าเสียภาษีให้รัฐมากกว่าท่านแน่นอนส่วนเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่า ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว นับตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่างและได้ยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้องในกรณีที่มีการยื่นฟ้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. โดยตนยินดีที่จะแสดงข้อมูลทุกอย่างตามที่ ป.ป.ช. ขอมา

 

 

 

ส่วนเรื่องธุรกรรม ก่อนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในส่วนของหนี้สินและทรัพย์สินกิจการของตนและครอบครัว ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาตั้งตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น เพราะทุกบัญชีทุกทุรกรรมอยู่ในที่เปิดเผยและโปร่งใสมานานมากแล้ว รวมถึงที่ดินทุกแปลงและทุกตารางวาออกโฉนดจากรัฐ

 

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เรื่องของหุ้นนั้น เกิดขึ้นก่อนปี 2559 ก่อนเข้าสู่ก่อนการดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายปี ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาซื้อเงิน หรือ PN โดยเป็นหนังสือคำสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับ อีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งหนังสือดังกล่าวติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายเรียบร้อย ฉะนั้นการซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นภาระหนี้สินของตนและครอบครัวในฐานะผู้ขาย พร้อมยืนยันว่าไม่มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ เพราะการแสดงหนี้ชัดเจนแก่ ป.ป.ช.ไปแล้ว

 

 

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการแบบนี้เป็นเรื่องปกติ และขอให้ฝ่ายค้านลองถามคนในพรรคดู ส่วนที่สมาชิกแจ้งว่าเรื่องนี้จะเป็นแหล่งทุจริต ซึ่งข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วใช้เงิน ขบวนการค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่จินตนาการมากไป เพราะการออกตั๋ว PN จะใช้กับสัญญาที่ถูกกฎหมายและดำเนินการได้โดยเปิดเผย พร้อมยืนยันว่าไม่มีการกระทำนอกกฎหมาย

 

 

 

ส่วนการปรับโครงสร้างหุ้นจำเป็นต้องมีการซื้อขาย ซึ่งณ ระยะเวลานั้น ตนไม่มีความพร้อมชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด จึงออกตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน และแจ้งต่อ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีการพูดคุยกันในครอบครัวว่ามีแผนที่จะชำระ โดยรอบแรกจะเกิดขึ้นปีหน้า 2569 และเชื่อว่าหลักฐานทั้งหมดจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตนอย่างแน่นอน

 

 

น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า เมื่อมีความโปร่งใส ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงภาษีได้อยู่แล้วส่วนกรณีที่ดินอัลไพน์ เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว โดยครอบครัวของตนซื้อที่ดินแปลงนี้มาตั้งแต่ตนอายุ 11 ปี ขณะนั้นเป็นกรรมการ และไม่แน่ใจว่าจะต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือไม่
พร้อมย้ำว่าการซื้อที่ดินของครอบครัวทุกแปลง ไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่มีการออกโฉนดโดยหน่วยงานของรัฐ

 

 

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า หลังจากมีคดีความ ขั้นตอนที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จน กระทั่งตนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยแทรกแซงเลย ซึ่งตนอาจจะต้องอธิบายในอนาคตเพิ่มเติมและขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงในเรื่องนี้เพิ่มเติม

 

 

 

ส่วนกรณีที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทยและพี่น้องประชาชน นายกฯ ระบุว่า ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกำชับเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพื่อให้ความไปธรรมกับประชาชนซึ่งทุกขั้นตอนจะต้องดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการ ฉะนั้นไม่อยากให้เรื่องเซนซิทีฟเหล่านี้มาทำให้เกิดความสับสนในสังคม

 

 

 

“จริงๆแล้วเราเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะพร้อมรับฟัง เมื่อใครหรือผลงานใดๆ มีประโยชน์ต่อประชาชน ก็ควรจะชื่นชมบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน อย่างน้อยเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่าทุกคนหวังดีกับประเทศไทยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการพูดให้คนเกิดความเกลียดชัง แตกแยก ดิฉันคิดว่าเราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ” น.ส.แพทองธาร กล่าว

 

 

จากนั้น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงตามข้อบังคับข้อที่ 71 ว่า นายกฯ จะเสียภาษีมากกว่าใครนั่นเป็นหน้าที่ของนายกฯ และตนมั่นใจว่าคนไทย 60 ล้านคนหรือมากกว่านั้น เสียภาษีน้อยกว่านายกฯ แต่ขอให้นายกฯรัฐมนตรีกลับไปดูมาตรา 50 (9) ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายกำหนด ทุกคนจะเสียมากหรือเสียน้อยย่อมมีศักดิ์ศรีเท่ากันฉะนั้นการตอบแบบนี้ย่อมไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

 

 

 

ต่อจากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.มหาดไทย ในฐานะ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงในประธานที่ประชุมขอให้วางตัวเป็นกลางว่า อย่าญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระทู้ ซึ่งเข้าใจว่าสามารถใช้สิทธิ์พาดพิงได้ แต่สิ่งที่นายวิโรจน์ พูดไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกพาดพิง และขอให้ประธานวินิจฉัยและควบคุมการประชุม

 

 

 

ทำให้นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การเสียภาษีมากน้อยไม่ได้สำคัญเท่ากับการเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่หากเสียภาษีมากและหาเทคนิคในการหลบเลี่ยง หนีภาษีต่างหากที่น่ารังเกียจ ขณะที่ประธาน ระบุว่ากรณีดังกล่าว นายกรัฐมนตรีไม่ได้พาดพิงให้นายวิโรจน์ เสียหาย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube