“สาธิต”ชวน2กลุ่มเสี่ยงลงทะเบียนหมอพร้อมรับวัคซีน
“สาธิต” เชิญชวนประชาชน 2 กลุ่มเสี่ยง ลงทะเบียนรับวัคซีน ผ่านระบบไลน์ “หมอพร้อม” วันนี้ ขณะ สธ. เร่งช่วยผู้ป่วยเข้ารับการรักษาโดยเร็ว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตนขอเชิญชวนประชาชน 2 กลุ่มแรก คือ 1.กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว 2.ประชาชนกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีน ผ่านระบบไลน์ “หมอพร้อม” ได้ตั้งแต่วันนี้ (1 พ.ค.) เป็นต้นไป เพื่อที่จะนัดหมายลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามสถานที่ ที่ต้องการ
และการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามรณรงค์ตามความสมัครใจ แต่รัฐบาลพยายามที่จะให้ฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อที่จะเดินหน้าเศรษฐกิจและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
นายสาธิต ได้เปิดเผย ถึงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่เข้าไม่ถึงการรักษา ว่าผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษาสำหรับเคสเก่าๆนั้น ได้รับการรักษาหมดแล้ว ขณะนี้จะมีก็แต่ผู้ป่วยรายใหม่เท่านั้น แต่ก็เป็นส่วนน้อย และสิ่งที่ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งดำเนินการคือ ผู้ที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงอาการรุนแรงมากจะต้องเร่งเข้ารับการรักษาโดยด่วน
ทั้งนี้ ในส่วนของเคสผู้ป่วยเด็กที่พบมากขึ้นนั้นส่วนใหญ่จะติดเชื้อมาจากพ่อ-แม่ หรือผู้ปกครอง ซึ่งทาง กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการตรวจเชิงรุกทุกเพศทุกวัย อยู่ตลอดเวลา เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่เพจ “หมอพร้อม” มีการแจ้งว่า
เรียนผู้ใช้งานทุกท่าน “LINE OA หมอพร้อม” ปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว
ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
***เปิดใช้งานพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00 น.***
“ครูกัลยา” เผย มีบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ ติดเชื้อโควิดแล้ว 23 ราย กันลุ่มเสี่ยงกักตัว เชื่อรัฐบาลเร่งฉีดบุคคลในพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว
คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. โดยย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่สีแดง หรือมีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาล ที่ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด สำรวจบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงมาลงทะเบียน
โดยเฉพาะครู อาจรย์ ผู้ปกครอง นักเรียน ในสังกัดกระทรวงที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุการฉีดได้ว่าเป็นเมื่อใด เชื่อว่า จะสามารถกระจายฉีดได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ดังนั้น ในระหว่างนี้ จึงอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเอง ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนโครงการครูเยี่ยมบ้านนักเรียนในขณะนี้ ก็เน้นในลักษณะออนไลน์ หรือโทรศัพท์พูดคุยเป็นหลัก และยังอยู่ในช่วงปิดเทอม โดยมีกำหนดจะเปิดเทอมในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ทำให้ไม่มีกิจกรรมของโรงเรียน หรือพบปะกันในช่วงนี้
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า มีบุคลากรในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ติดเชื้อโควิดแล้ว 23 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัว ส่วนบุคคลเสี่ยงก็ให้กักตัวเพื่อรอดูอาการ ทั้งนี้ ได้มีข้อปฏิบัติตัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ให้บุคลากรในกระทรวงได้ยึดถืออย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันบุคลากรทางการศึกษา ก็ต้องเป็นฝ่ายที่ให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วยเช่นกัน
รัฐบาล เชิญชวนประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ลงทะเบียนที่ “หมอพร้อม” รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มเป้าหมาย 16 ล้านคน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคได้แก่
1. โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด
3. โรคไตวายเรื้อรัง
4. โรคหลอดเลือดสมอง
5. โรคมะเร็ง
6. เบาหวาน
7. โรคอ้วน
ทำการลงทะเบียนเพื่อเตรียมรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ Line Official Account “หมอพร้อม” ประกอบด้วยฟังก์ชันตั้งแต่การเลือกวัน เวลา และโรงพยาบาล รวมทั้งการติดตามผลภายหลังการเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งเข็ม 1 และเข็ม 2 โดยจะเปิดให้ประชาชนกลุ่มนี้ที่มีประมาณ 16 ล้านคน
ประกอบด้วยกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 11.7 ล้าน และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคอีก 4.3 ล้านคน ได้เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป เพื่อนัดเวลาและสถานที่ในการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยจะเป็นการฉีดวัคซีนตามแผนระยะที่ 2 ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม และจะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนตามแผนระยะที่ 3 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไป ที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี จำนวน 31 ล้านคน
ทั้งนี้ รัฐบาลจัดเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีน ด้วยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่มีอยู่กว่า 1,100 แห่ง ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 5 แสนเข็ม/วัน หรืออย่างน้อย 10ล้านเข็ม/เดือน ทั้งนี้ ยังไม่รวมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และสถานที่ที่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือเสริมเพิ่มเติม จึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับคนไทย 50 ล้านคนได้ภายสิ้นปี 2564 นี้อย่างแน่นอน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นตามแผนโดยในเดือนพฤษภาคม ไทยจะได้รับวัคซีน Sinovac เพิ่มเข้ามา ขณะที่ AstraZenecaจะทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จำนวน 6 ล้านโดส และต่อเนื่องอีกเดือนละ 10 ล้านโดสจนถึงปลายปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้มอบแนวทางให้มีการจัดสำรองวัคซีนเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส โดยให้เป็นการทำงานเชิงรุกตรียมการสำรองวัคซีน เพื่อบริการฉีดประชาชนในปีต่อๆ ไปจนกว่าไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่ควบคุมได้
สำหรับ “หมอพร้อม v.2” นี้ ประกอบด้วย 12 ฟังก์ชันในการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เริ่มจาก 1) การเพิ่มเพื่อนและการลงทะเบียนใช้ใช้งาน 2)เพิ่มบุคคลอื่น 3)ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 4)จองคิวฉีดวัคซีน โควิด-19 5)เปลี่ยนการจองคิวฉีดวัคซีน โควิด-19 6)แจ้งเตือนฉีดวัคซีน โควิด-19 7)ยืนยันการฉีดวัคซีน โควิด-19 เข็มที่หนึ่ง 8)ประเมินอาการหลังฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่ง 9)แจ้งเตือนฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สอง 10)ยืนยันการฉีดวัคซีน โควิด-19 เข็มที่สอง 11)ประเมินอาการหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง และ 12)การออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นที่ประชาชนสามารถเข้าไปติดตามข้อมูลข่าวสารทั้งการรายงานสถานการณ์ การค้นหาหน่วยตรวจโควิด 19 ผลการตรวจโควิด 19 เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน (Smart phone) สามารถทำการติดต่อนัดหมายลงทะเบียน เพื่อเตรียมรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีประวัติการรักษา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือแจ้งที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ในพื้นที่ได้
ลงทะเบียน หมอพร้อ มแอพไม่ล่ม แต่ผู้สูงอายุบางคนลงไม่ได้ บัตรประชาชนเป็นรุ่นเก่า
การลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด19 ผ่านแอพพลิเคชั่น เชิญชวนประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม เริ่มลงทะเบียนวันแรก ในวันนี้ ระบบของแอพลิเคชั่น ทำงานได้ดี ไม่ล่ม แต่มีปัญหาเล็กน้อยเรื่องข้อมูล ที่ไม่ได้อัพเดท รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่ง ลงไม่ได้ เนื่องจากผู้สูงอายุ บางคน บัตรประชาชนยังเป็นรุ่นเก่า ไม่มีเลขหลังบัตร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news