นายกฯเน้นร่วมมือศก.ประเทศลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง
นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญความร่วมมือศก.ข้ามพรมแดนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รัฐบาลยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยใช้ศักยภาพของประเทศทั้งด้านทรัพยากรและความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหนึ่งในนโยบายสำคัญที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก คือ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจข้ามพรมแดนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม และจีน โดยในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์รายงาน ว่า การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก มีมูลค่า 1.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 5.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 6.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นับจากที่ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง ได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการปี 2558 รัฐบาลได้พัฒนาการอำนวยความสะดวกทางการค้าตามแนวชายแดน เช่น พิธีการศุลกากร เพื่อช่วยให้การปล่อยสินค้าคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพการบริการโลจิสติกส์ ลดต้นทุนผู้ประกอบการ ซึ่งจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์กำลังศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงของ มีเป้าหมาย คือ เชียงของเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross Border e-Commerce: CBEC), ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยและอาเซียน ผ่านเส้นทาง R3A (ที่เชื่อมระหว่าง จีน ลาว และไทย ผ่านจุดพรมแดนและเมืองสำคัญเช่น อ.เชียงของ บ้านห้วยทราย บ่อเต็น บ่อหาน และคุณหมิง) และเขตการค้าเสรีคุณหมิง และยกระดับการค้าสู่พื้นที่จีนตอนเหนือ และยุโรป ในอนาคตต่อไป
เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงของ นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้อนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (ข้ามแม่น้ำโขง) แห่งที่ 4 ประชิดด่านพรมแดนเชียงของ เพื่อเป็นประตูการค้าที่สำคัญบนแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North – South Economic Corridor) โดยเป็นการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) รองรับกิจกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R3A ให้เป็นสถานีปรับเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศสู่ภายในประเทศ ขณะที่โครงการระยะที่2 ซึ่งครม.เพิ่งเห็นชอบเมื่อ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นการสร้างอาคารเปลี่ยนถ่ายและบรรจุสินค้า และลานกองเก็บตู้สินค้า ที่จะรองรับเส้นทางรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย คาดจะก่อสร้างเสร็จในปี 2568
ทั้งนี้นางสาวรัชดา กล่าวว่า การค้าข้ามพรมแดนแม่โขง-ล้านช้าง เป็นตลาดสำคัญของไทยที่จะมูลค่าเพิ่มกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐอย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มยอดการส่งออกทั้งในกลุ่มประเทศสมาชิก และที่จะขยายไปยังจีนตอนเหนือและยุโรป ในอนาคต หากสามารถผลักดันโครงการเศรษฐกิจพิเศษเชียงของเชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อหาน (จีน)-บ่อเต็น(ลาว) ได้สำเร็จ ผู้ประกอบการไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับสินค้าที่อยู่ในรายการที่จีนกำหนดให้สามารถขอรับสิทธิพิเศษสำหรับ CBEC ได้ (Positive Lists for CBEC) อาทิ ผลไม้อบแห้ง ชา กาแฟ เครื่องสำอาง ซึ่งจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ 70 ของอัตราภาษีปกติ จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนและผู้ประกอบการติดตามข้อมูลและตื่นตัวในเรื่องนี้เพราะเป็นโอกาสใหญ่ทางธุรกิจ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news