ทีมชาติอังกฤษ เก็บเพิ่มได้เพียงคะแนนหลังเดียวเสมอ ทีมชาติสกอตแลนด์ 0-0 ต้องลุ้นเข้ารอบต่อนัดสุดท้ายในศึกยูโร 2020
ศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดที่สองของกลุ่มดี เป็นการพบกันระหว่าง อังกฤษ ดวลกับ สกอตแลนด์ โดยลงเล่นกันที่สนามเวมบลีย์
แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือของอังกฤษ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น แฮร์รี เคน ทำเกมรุกร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาท์ และ ฟิล โฟเด้น
ด้านสกอตแลนด์ของ สตีฟ คลาร์ก วางหมากมาในแผน 3-5-3 ฝากความหวังในแนวรุกไว้คู่กองหน้าอย่าง เช อดัมส์ ซึ่งจะประสานงานร่วมกับ ลินดอน ไดค์ส
ผลปรากฏว่า ครึ่งแรก นาทีที่ 4 สกอตแลนด์ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ สตีเฟน โอดอนเนลล์ เปิดบอลเรียดจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ เช อดัมส์ ซัดด้วยขวาไปติดบล็อกกองหลังอังกฤษอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 12 อังกฤษ เกือบขึ้นนจากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ จอห์น สโตนส์ ขึ้นโหม่งเน้นๆ บอลไปชนเสาอย่างจัง
และในนาทีที่ 13 อังกฤษมาอีกแล้ว ราฮีม สเตอร์ลิง แย่งบอลมาได้ก่อนพาบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วจ่ายเข้ากลางให้ เมสัน เมาท์ สอดมายิงหลุดเสาแรกเหลือเชื่อ
นาทีที่ 18 อังกฤษลุยต่อ รีซ เจมส์ เปิดบอลโด่งเข้าเขตโทษ ฟิล โฟเดน เอาบอลลงอย่างสวย ก่อนซัดหลุดเสาสองไปนิดเดียว แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 29 โอกาสของอังกฤษยังมาไม่หยุด รีซ เจมส์ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ แฮร์รี เคน พุ่งโหม่งหลุดกรอบไปแบบหวาดเสียว แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนอีกแล้ว จบครึ่งแรก ทีมชาติอังกฤษ ยังเสมอ ทีมชาติสกอตแลนด์ 0-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 55 โอกาสของอังกฤษอีกครั้ง แฮร์รี เคน ผ่านบอลจากฝั่งซ้ายเข้ามาให้ รีซ เจมส์ ซัดข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง
นาทีที่ 62 สกอตแลนด์ เกือบขึ้นนำ ลินดอน ไดค์ส วอลเลย์ด้วยซ้ายในเขตโทษ บอลจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ รีซ เจมส์ สวมบทฮีโร่โหม่งสกัดออกมาจากเส้นได้ทัน
จบเกม อังกฤษ เสมอ สกอตแลนด์ 0-0 อังกฤษ มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน อยู่อันดับ 2 โดยมีแต้มเท่ากับจ่าฝูง สาธารณรัฐเช็ก แต่ประตูได้เสียของ เช็ก ดีกว่า ส่วน สกอตแลนด์ มี 1 คะแนน อยู่อันดับ 4 บ๊วยของกลุ่ม ซึ่งสายนี้ยังมีลุ้นเข้ารอบกันทุกทีม รวมถึง โครเอเชีย อันดับ 3 ที่มี 1 แต้มเช่นกันด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news