สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับฟีฟ่าและเอเอฟซี จัดสัมมนาออนไลน์ นำเสนอรูปแบบ Club Licensing สโมสรฟุตบอลหญิงในศึกไทยวีเมนส์ลีก
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ(ฟีฟ่า) พร้อมด้วย สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย(เอเอฟซี) จัดงานสัมมนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่าด้วยเรื่องของการนำรูปแบบการออกใบอนุญาตสโมสร (คลับไลเซนซิง) ให้แก่สโมสรสมาชิกที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอล ไทย วีเมนส์ ลีก ซึ่งฟีฟ่าเตรียมนำมาบังคับใช้และเอเอฟซีนำมาเป็นเกณฑ์ในการมอบโควตาเข้าสู่ AFC Women’s Champions League 2023 ในปีหน้า
การสัมมนาครั้งนี้ นำโดย คุณศิริมา พานิชชีวะ อุปนายกฝ่ายฟุตบอลหญิง, มร. การ์เลส โรมาโกซา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคนิค, พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ, เอกพล พลนาวี หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขัน, รัมภา วราวีรกุล หัวหน้าฝ่ายฟุตบอลหญิง ตัวแทนสโมสรสมาชิก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมฯ เข้าร่วมการสัมนนา
โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนจาก ฟีฟ่า และเอเอฟซี ในการแจ้งรูปแบบออกใบอนุญาตสโมสรฟุตบอลหญิง ซึ่งอยู่ในระหว่างการเตรียมบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงเกณฑ์ในด้านโครงสร้างและบุคลากรที่จำเป็นของสโมสรฟุตบอล ให้กับสโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขัน “ไทยวีเมนส์ลีก” โดยทางผู้แทนจากเอเอฟซีได้แจ้งว่ารายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรหญิงแห่งเอเชีย หรือ AFC Women’s Champions League 2023 สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตสโมสร ซึ่งต้องยื่นขอผ่านระบบของสหพันธ์ฯ เท่านั้น
ทางด้านคุณศิริมา พานิชชีวะ อุปนายกสมาคมฝ่ายฟุตบอลหญิง กล่าวว่า “วันนี้ที่เราได้มีโอกาสสัมมนา ร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศและสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย โดยทางฟีฟ่าก็ใช้มุมมองในเรื่องต่างๆ ตามมาตรฐานเดียวกันกับสโมสรฟุตบอลชาย แต่ก็จะนำเกณฑ์ต่างๆ มาปรับใช้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะความเป็นจริงของสโมสรในฟุตบอลหญิง ซึ่งจะไม่เข้มข้นเหมือนกับสโมสรฟุตบอลชายในทันที”
“เราต้องวางมาตรฐานของสโมสรให้มั่นคง หากสโมสรมีมาตรฐานที่ดีก็จะทำให้ลีกของเราแข็งแรงขึ้น เมื่อโครงสร้างด้านต่างๆของสโมสรแข็งแรง เขาก็สามารถผลิตนักกีฬาที่ดีและมีคุณภาพให้กับทีมชาติได้ด้วยในอนาคต เราคงต้องเริ่มกันในวันนี้”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news