“ชุดขาว” บุกเฉือน “บาร์ซ่า” คาบ้าน 2-1 ขึ้นจ่าฝูง
เรอัล มาดริด บุกชนะ บาร์เซโลนา 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนนแซงรั้งจ่าฝูงด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า เซบียา และ เรอัล โซเซียดาด
การแข่งขันฟุตบอล ลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2021-22 ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. 64 คู่ที่น่าสนใจ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา อันดับ 8 ของตาราง เปิดสนามคัมป์ นู รับการมาเยือนของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด อันดับ 4 ของตาราง
เจ้าบ้าน บาร์เซโลนา เกมนี้ โรนัลด์ คูมัน ยังใช้ เคราร์ด ปิเก้ จับคู่ เอริค การ์เซีย ในแนวรับ สามมิดฟิลด์ เซร์คิโอ บุสเกตส์, แฟรงกี้ เดอ ยอง และ กาบี โดยแนวรุกดัน แซร์จินโญ เดสต์, เมมฟิส เดปาย และ อันซู ฟาติ
ทางฝั่ง เรอัล มาดริด มาในระบบ 4-3-3 เช่นกัน เอแดร์ มิลิเตา จับคู่ ดาวิด อลาบา สามมิดฟิลด์ โทนี โครส, คาเซมิโร และ ลูก้า โมดริช แนวรุกยังเป็น โรดรีโก, คาริม เบนเซมา และ วินิซิอุส จูเนียร์
ผลปรากฏว่า ครึ่งเเรก ถึงนาทีที่ 32 เรอัล มาดริด อาศัยทีเด็ดจากเกมสวนกลับมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ดาบิด อลาบา ตัดบอลได้จากหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง ก่อนจ่ายออกซ้ายให้ เฟร์แลนด์ เมนดี เปิดข้ามฟากไปให้ โรดรีโก ก่อนปาดออกซ้ายมาให้ ดาวิด อลาบา ที่วิ่งเติมขึ้นมาจากแดนหลัง ซัดหน้ากรอบเขตโทษผ่านมือ มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น เข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง บาร์เซโลน่า พยายามเปิดเกมบุกอย่างเต็มที่หวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์เน้นๆไม่ได้ ขณะเดียวกัน “ราชันชุดขาว” เล่นเกมรับกันอย่างอดทน อาศัยจังหวะสวนกับได้น่ากลัวหลายครั้ง
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เรอัล มาดริด ได้ประตูขยับหนีเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับ และเป็นการ ลูคัส บาสเกซ ที่ยิงซ้ำดาบสองเข้าประตูไป
อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 90+7 บาร์เซโลน่า ได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ แซร์จิโญ เดสต์ เลาะมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ เซร์คิโอ อเกวโร ชาร์จจ่อๆ เข้าไป ถือเป็นประตูแรกในสีเสื้อทีมใหม่ของหัวหอกตัวอาร์เจนไตน์
จบเกม บาร์เซโลน่า พ่ายคาบ้านให้กับ เรอัล มาดริด 1-2 ส่งผลให้ “ราชันชุดขาว” เก็บสามแต้ม มีเพิ่มเป็น 20 คะแนน ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของตาราง ส่วน บาร์เซโลน่า มี 15 แต้มเท่าเดิม รั้งอันดับ 8 ของตาราง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news