การกีฬาแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยจัดแมตช์อำลาทีมชาติ ให้ 7นักตบสาวไทย วันที่ 7 พฤศจิกายน นี้
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จับมือร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่แห่งวงการวอลเลย์บอล จัดแมตช์อำลาส่งท้ายในฐานะทีมชาติไทย เพื่อขอบคุณเหล่านักตบ 7 เซียนและโค้ชอ๊อด ที่สละแรงกายแรงใจจนนำกีฬาวอลเลย์บอลไทยก้าวสู่เวทีโลก สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่วงการกีฬาไทยตลอดระยะเวลากว่า 20ปี
ที่นำโดย 7 สุดยอดนักตบอย่าง ปลื้มจิตร์ ถินขาว, นุศรา ต้อมคำ, อรอุมา สิทธิรักษ์, อำพร หญ้าผา, มลิกา กันทอง,วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และ วรรณา บัวแก้ว
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าว ว่า “ความเป็นมาของการจัดงานครั้งนี้ ผมขอย้อนไปเมื่อตอนที่นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เรามีการแข่งขันเนชันลีก ซึ่งเป็นรายการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงระดับโลกที่อิตาลี แต่พอมีโควิด-19 ขึ้นมา ถ้าจำกันได้ว่าวอลเลย์บอล ชุดที่เราเตรียมที่จะส่งแข่งเนชันลีกเป็นชุดเด็กรุ่นใหม่ ปรากฏว่าติดโควิดกันเกือบทั้งทีม”
“เราจึงต้องไปขอให้รุ่นพี่กลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็ได้รับความร่วมมือ จาก 7 เซียนปรากฏว่า 7 เซียนเหล่านั้น ไปสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่ประทับใจทั่วโลกโดยเฉพาะชาวไทย”
“หลังจากนั้น น้อง ๆ กลับมาจากการแข่งขันก็ได้มีการพูดคุยกันว่า น้อง ๆ จะอำลาทีมชาติไทยแล้ว แต่การอำลานั้นคือเกิดขึ้นที่อิตาลี เราก็บอกว่า น้อง ๆ ได้สร้างตำนานวอลเลย์บอลไทยมากกว่า 20 ปี เราก็อยากที่จะให้มีแมตช์ ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นแมตช์อำลาสนามของน้อง ๆ ทั้ง 7 คน”
“เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราคนไทยทุกคนอยากที่จะขอบคุณนักกีฬาทั้ง 7 คน เพราะพวกคุณเป็นนักกีฬาในดวงใจและเป็นนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ นอกจากนั้นเราอยากที่จะขอบคุณ ที่น้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังไม่ใช่เฉพาะนักวอลเลย์บอลเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ”
ทั้งนี้การจัดการแข่งขันครั้งนี้ เป็นการจัดการแข่งขันภายใต้การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news