อังกฤษ บุกถล่ม ซาน มาริโน่ 10-0 ตีตั๋วไปบอลโลก

อังกฤษ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ได้ตามคาด หลังบุกถล่ม ซาน มาริโน่ ขาดลอย 10-0

ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนยุโรป กลุ่มไอนัดสุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง ซานมารีโน เปิดบ้านพบ อังกฤษ ฟรังโก้ วาเรลลา กุนซือของซานมารีโน เลือกจัดทัพมาในระบบ 3-5-2 ใช้คู่กองหน้าเป็น นิโกลา นานนี ประสานงานร่วมกับ อดอลโฟ ฮิร์ช

ด้านอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต วางหมากมาในแผน 3-4-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกเป็น ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี เคน และ เอมิล สมิธ โรว์

ผลปรากฎว่า เริ่มแค่ 5 นาที อังกฤษ นำอย่างว่องไว ฟิล โฟเดน เปิดเตะมุมทางซ้ายแล้ว แฮร์รี แม็คไกวร์ พุ่งโขกตุง 1-0 ขณะที่ นาที 15 ซาน มาริโน่ เสียลูกสองแบบโชคร้าย ฟิลิปโป ฟาบบรี แหย่ขาสกัดลูกยิงทางซ้ายของ บูกาโย่ ซาก้า แต่ปลิ้นเข้าประตูตัวเองเป็น 2-0

นาที 25 อังกฤษ ได้จุดโทษหลัง ดันเต้ รอสซี เผลอยกมือทำแฮนด์บอลแล้ว แฮร์รี เคน ซัดสังหาร 3-0 ถัดมา นาที 31 ทีมเยือนกดอีกลูก เอมิล สมิธ โรว ตวัดเปิดด้านซ้ายเข้าเท้า แฮร์รี เคน วอลเลย์ตามน้ำ 4-0

นาที 38 สิงโตคำราม ได้จุดโทษอีกแล้วเมื่อ อเลสซานโดร ดัดดาริโอ พลาดเสียแฮนด์บอลก่อนเป็น แฮร์รี เคน ซัดโป้งเป็นแฮตทริค 5-0 ยังไม่พอ นาที 41 แฮร์รี เคน กดเม็ดสี่ของตัวเองหลังโชว์แตะบอลหนีกองหลังแล้วยิงนิ่มๆ 6-0 จบครึ่งแรกที่ผลนี้

ครึ่งหลัง นาที 58 อังกฤษ ได้ลูกที่เจ็ดหลัง เอมิล สมิธ โรว วิ่งเข้าเขตโทษแล้วซัดเหน่งๆ ทะยาน 7-0 ตัดภาพไป นาที 67 ซาน มาริโน่ ซวยต่อเนื่องหลัง ดันเต้ รอสซี กระแทกใส่คู่แข่งอย่างหนักจนโดนใบเหลืองแดงไล่ออก เจ้าบ้านเหลือแค่ 10 คนแล้วก็เสียฟรีคิกหน้ากรอบประตู

นาที 69 สิงโตคำราม เปิดฟรีคิกทางขวาโดย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แล้ว ไทโรน มิงส์ โขกย้อยเข้าเป็น 8-0 ต่อด้วย นาที 78 แทมมี อับราฮัม เอาชื่อตัวเองขึ้นสกอร์บอร์ด หลังดูดบอลในเขตโทษแล้วยิงชิ่งเสาให้ชาติบ้านเกิดทิ้ง 9-0

นาที 79 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตักโด่งเข้าซ้ายให้ บูกาโย่ ซาก้า สอดมาโหม่ง 10-0

ทำให้จบเกมเป็นอังกฤษถล่มเอาชนะไปได้ถึง 10-0 คว้าตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ส่วนซานมารีโนแพ้รวดทั้ง 10 เกม จบอันดับ 6 สุดท้ายของกลุ่มไอแบบไม่มีแม้แต่คะแนนเดียว

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news