Home
|
ข่าว

‘ธีรศิลป์’ เบิ้ล! ช้างศึก ถล่ม เมียนมา 4-0 นำจ่าฝูงซูซูกิคัพ

Featured Image
ธีรศิลป์ แดงดา ซัดเบิ้ลทาบาดวยิงสูงสุดตลอดกาลศึกชิงแชมป์อาเซียน พาทีมชาติไทย ถล่ม เมียนมา 4-0 แซงจ่าฝูงกลุ่มศึกซูซูกิคัพ 2020

 

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ นัดที่สอง ทีมชาติไทย พบกับ เมียนมา

ช้างศึกออกสตาร์ทเกมแรก ด้วยการชนะ ติมอร์ เลสเต 2-0 ส่วน เมียนมา แพ้ สิงคโปร์ มาและ ชนะ ติมอร์ เลสเต

เกมนี้ มาโน โพลกิ้ง ใช้กองหน้าคู่อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา กับ ศุภชัย ใจเด็ด ส่วนกองกลาง 4 คน มี ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร พร้อมด้วย สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ด้าน เมียนมา นำมาโดย ธัน เปียง และ มอง มอง ลวิน กัปตันทีม

เริ่มเกมมานาทีที่ 23 ทีมชาติไทยมาได้ประตูออกนำจนได้ จากจังหวะที่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม จ่ายตัดเข้ากลางให้ ธีรศิลป์ แดงดา แต่งด้วยซ้ายแล้วซัดด้วยขวาเข้าไปให้ช้างศึก นำเมียนมา ก่อน 1-0

นาทีที่ 30 ไทยมาได้ ฟรีคิกและเป็น มานูเอล ทอม เบียร์ห ที่ได้โขกกดลงพื้นแต่ไปติดเซฟของประตูเมียนมา และช่วงเวลาที่เหลือก็ไม่มีประตูเพิ่มเติมจบครึ่งแรก ไทยนำเมียนมา อยู่ 1-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 52 ไทยมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ มานูเอล ทอม เบียร์ห โดนทำฟาวล์ และเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไป ให้ ไทยนำห่างเป็น 2-0 และ ทำให้ ธีรศิลป์ กลายเป็น ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของศึกชิงแชมป์อาเซียน เทียบเท่ากับ นอห์ อลัม ชาห์ ที่ 17 ประตูทันที

หลังจากนั้นไทยพยายามบุกอย่างหนัก และนาทีที่ 78 เป็นสุภโชค สารชาติ ที่หลุดขึ้นมาทางขวาก่อนจ่ายเข้ากลางให้วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่เพิ่งลงสนามมายิงเข้าไปให้ ไทยนำ เมียนมา ห่างเป็น 3-0

ช่วงทดเจ็บ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แอสซิสต์ คืนให้ สุภโชค สารชาติยิงเข้าไปเป็นประตูที่สองของตัวเองในทัวร์นาเมนต์นี้และทำให้ ทีมชาติไทยเอาชนะ เมียนมาไป 4-0 มีเพิ่มเป็น 6 แต้มเท่ากับสิงคโปร์ แต่ประตูได้เสียดีกว่าเลยแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของกลุ่มทันที

โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทยจะต้องพบกับ ฟิลิปปินส์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ในศึกชิงเจ้าอาเซียนนัดที่ 3 ในวันที่ 14 ธันวาคม 264 เวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube