Home
|
ข่าว

“ส.ลูกหนัง” ชี้ “บิทคับ” ช่วยเรื่องเทคโนโลยีปัดทำทีม U19

Featured Image
“สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ”  ชี้  “บิทคับ” ช่วยเรื่องเทคโนโลยีกีฬา ปัดให้เทคทำทีม ยู-19 เพราะใกล้ลุยศึก “อาเซียน”

 

ตามที่มีกระแสข่าวว่า บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องการเข้ามาสนับสนุน และดูแลทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่เตรียมไปแข่งขันรายการชิงแชมป์อาเซียน “2022 เอเอฟเอฟ ยู-19 ยูธ แชมเปี้ยนชิพ” ระหว่างวันที่ 2-15 ก.ค.นี้ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ล่าสุด นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า การสนับสนุนนี้ บิทคับ ต้องการเสริมในเรื่องของเทคโนโลยีด้านกีฬา หรือ Sport technology เช่นการเก็บสถิติต่างๆ ทั้งในการฝึกซ้อม และแข่งขัน และที่สำคัญ บิทคับ จะเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องดังกล่าวให้กับทีมชาติไทยทุกชุด ไม่ใช่เพียงรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีเท่านั้น

 

“บิทคับ มีความสนใจในด้านกีฬาโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ประกอบกับเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี การเข้ามาช่วยเสริมในจุดที่เป็นจุดแข็งของบริษัทนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกับทั้งสองฝ่าย และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านกีฬาของไทยใปสู่กีฬาอื่นอีกด้วย เพราะในไทยยังทำเรื่องเทคโนโลยีกีฬาในวงจำกัด และเป็นการนำเข้าเทคโนโลยีที่มีราคาเข้าถึงยาก การเริ่มที่ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ก็น่าจะเหมาะสม เป็นรุ่นระดับเยาวชนที่มีข้อมูลในระบบฐานข้อมูลสมาคมตั้งต้นให้นำไปต่อยอดได้

 

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าบิทคับจะเข้ามาปรับโครงสร้างหรือบริหารทีมยู-19 คงไม่ได้เกิดขึ้นในรูปแบบนั้น โครงสร้างเยาวชนของสมาคมฯ ที่ทางประธานเทคนิคได้ดำเนินงานอยู่ มีทีมงานผู้ฝึกสอนและนักกีฬาที่เตรียมพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ในรุ่นอายุ 19 ปี ได้รวมทีมและฝึกซ้อมกันด้วยแนวทางการเล่นที่สะสมและเข้าใจกันมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และกำลังเข้าสู่การแข่งขันระดับภูมิภาคและทวีปที่สำคัญในเดือนหน้านี้” เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าว

 

สำหรับทีม “ช้างศึก” ยู-19 ปีในศึก “ชิงแชมป์อาเซียน 2022” อยู่กลุ่ม A ร่วมกับ “เจ้าภาพ”อินโดนีเซีย, เมียนมา, เวียดนาม, บรูไน และฟิลิปปินส์ ส่วนกลุ่ม B มี “รองแชมป์เก่า”มาเลเซีย, สปป.ลาว, ติมอร์ เลสเต, กัมพูชา, สิงคโปร์ ส่วน “ออสเตรเลีย”ไม่ได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube