เลเวอร์คูเซ่น ยังคงมาแรงต่อเนื่องหลังยิงตีเสมอ ดอร์ทมุนด์ ในนาทีสุดท้าย และทำให้พวกเขาคงสถิติไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาลนี้
การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดสนาม ซิกนัล อิดูน่า ปาร์คต้อนรับการมาเยือนของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
เลเวอร์คูเซ่น ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปได้ฤดูกาลนี้ยังคงจัดเต็มเพื่อรักษาสถิติไร้พ่าย ทีมนำโดย ฮอฟมันน์, ฟริมปง กับ เตลล่า เล่นริมเส้น และกลางยังเป็น ชาก้า คู่ อัลดริช โดย กริมัลโด้ กับ สตานิซิค วิงแบ็ค หลังนำโดย ทาห์
ด้านของ ดอร์ทมุนด์ ต้องเข้มเป็นกับการเล่นเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องลุ้นท็อปโฟร์ ซึ่งทีมขาดทางด้านของ อเดเยมี่ ที่ติดโทษแบนและใช้ ไบโต กิตเตนส์ ยืนปีก ส่วนอีกฝั่งยังเป็น ซานโช่ กลางมี ชาน, ซาบิตเซอร์, บรันท์ และใช้ ฮุมเมิลส์ คุมเกมรับอีกที
ผลการแข่งขัน
เริ่มเป็นฝ่ายเลเวอร์คูเซ่นได้โอกาสก่อนจาการเปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็น ฟริมปง ที่โหม่งข้ามคานไป
จากนั้นในนาทีที่ 15 เสือเหลืองมีโอกาสสวนกลับ เป็นรีเยอร์สัน ซัดบอลแรงข้ามคานออกไป
นาทีที่ 30 ฟริมฟงปะทะกับ ชาก้า จนล้มลงไป และฟ้องเอาจุดโทษ แต่กรรมการเช็คกับทาง VAR แล้วปล่อยเล่นต่อ
นาทีที่ 42 เสือเหลืองได้โอกาสบุกเข้ามาในกรอบอีกครั้งจากลูกที่ รีเยอร์สัน ตัดเข้าในมาให้ทาง ซาบิตเซอร์ ซัดเต็มๆ แต่ติดเซฟของ ฮราเด็ตกี้ จบครึ่งแรกที่ 0-0 ประตู
ครึ่งหลังเริ่มเสือเหลืองพยายามบุกหย่างหนักเพื่อเปิดสกอร์ มีโอกาสยิงแต่ติดบล็อกถึงสองครั้ง บอลสู้กันอย่างสูสี
จนมาในนาทีที่ 80 เสือเหลืองได้โอกาสบุกมาอีกครั้ง และเป็นซาบิตเซอร์ ที่ครอสบอลข้ามมาที่เสาสอง ฟูลล์ครุก ที่ยืนอยู่โล่งๆ วอลเลย์เต็มข้อ เสือเหลืองออกนำ 1- 0
เหมือนเกมจะจบลงและจะเป็น เสือเหลือง ที่หยุดสถิติไม่แพ้ของ ห้างยา ได้ แต่ในช่วงนาทีที่สุดท้ายของการทดเวลา ห้างยายังใจสู้ตีเสมอสำเร็จจะลูกโขกของ สตานิซิช ทำให้จบเกมเสมอที่ 1-1 ยังคงสถิติไม่แพ้ต่อไป
สำหรับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าสมัยแรกมาครองได้โดยไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาลนี้ และพวกเขายังเข้าชิงบอลถ้วยเดเอฟเอ รวมถึงเขารอบรองชนะเลิศ ยูโรป้าลีกอีกด้วย ส่วนการแข่งขันครั้งต่อไป เลเวอร์คูเซ่นจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ชตุทท์การ์ท ในวันที่ 27 เมษายน 2567
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCmL7sBjm02WNURAOxGzq25w
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news