เอกลักษณ์มวยไทยกับหัวใจที่ไม่หยุดนิ่งของเวทีราชดำเนิน
สนามมวยราชดำเนินเฉลิมฉลองปีที่ 80 ปีของการก่อตั้งสนามด้วยการสร้างกระแสฮือฮาจากผู้ชมทั้งชาวไทยและต่างประเทศในการเปิดตัว Immersive Muay Thai
เทคโนโลยีการฉายภาพเสมือนจริงบนโดมคอนกรีตเหนือเวทีสุดตระการตา เป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างความล้ำสมัยของระบบแสงสีเสียงกับโครงสร้างที่ผ่านเวลายาวนานมากว่าเจ็ดสิบปี เสมือนการผสมผสานประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจเข้ากับความร่วมสมัยในปัจจุบัน เช่นเดียวกับหลายสิ่งหลายอย่างในสนามมวยแห่งนี้ ที่ยังคงเก็บรักษาอัตลักษณ์ของมวยไทยไว้อย่างเข้มข้นด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นเวทีมวยไทยที่แท้จริง
แม้ว่าหน้าตาและบรรยากาศของสนามมวยราชดำเนินจะพัฒนาให้ตอบรับกับคนยุคใหม่มากขึ้น รวมทั้งการสร้างบรรยากาศให้สดใสเร้าใจ แต่ทุกคนยังสัมผัสถึงความขลังขององค์ประกอบมวยไทยอย่างครบถ้วน นั่นคือการยกครู-ไหว้ครู เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทยที่ซุกซ่อนอยู่ในเนื้อแท้ของ “มวยไทย” ก็คือการแสดงความเคารพนบนอบ มีสัมมาคารวะต่อครู อาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา นั่นคือที่มาของการไหว้ครู
“ไหว้ครู” ก็คือ การร่ายรำมวยไทยก่อนขึ้นชก เป็นการระลึกถึงและแสดงความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ เพื่อเป็นศิริมงคล ทำให้จิตใจมั่นคง มีสมาธิ
การร่ายรำ ยังเป็นการสังเกตดูเชิงของคู่ต่อสู้ รวมทั้งยังช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อตื่นตัว เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการชกจะเริ่มต้น นักมวยและครูมวยในสมัยก่อนจะมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกเพื่อเพิ่มความฮึกเหิมให้กับนักมวยอีกด้วยเครื่องรางและการแต่งกาย สิ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของมวยไทยและเป็นพลังใจของนักมวยก็คือ เครื่องรางของขลัง การแต่งกายของนักมวยไทยโบราณ มีองค์ประกอบหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดน่าสนใจ ดังนี้
“มงคล” นั้น ถือเป็นเครื่องรางให้สิริมงคลและคุ้มครองอันตราย ในยุคโบราณนั้นใช้สวมศีรษะในการชก เวลาขึ้นชกหากมงคลหลุด ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยุดชกเพื่อให้เก็บมงคลมาสวมใหม่ ถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติที่กระทำกันมายาวนานประเจียด ทำด้วยผ้าดิบหรือผ้าขาวเนื้อบาง ซึ่งจะนำเอาผ้าซึ่งเป็นสีขาวหรือสีแดงตัดเป็นสามเหลี่ยมลงเลขยันต์มหาอำนาจ ซึ่งประเจียดนั้นเชื่อกันว่า เป็นอาคมในชุดวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด คุ้มกำลัง
จะเห็นได้ว่า มวยไทยในยุคโบราณ เครื่องแต่งกาย เครื่องรางของขลัง สะท้อนลักษณะเฉพาะตัวออกมาอย่างเด่นชัดและยังซุกซ่อนความหมายอันลึกลับอยู่ในนั้นอีกด้วยแต่มวยไทยในสมัยยุคปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่เป็นการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย มีลักษณะความเป็นสากลมากขึ้น “มงคล” สำหรับนักมวยยุคนี้จะสวมไว้บนศีรษะตั้งแต่แต่งตัวเสร็จจนขึ้นเวที และจะถอดออกเมื่อทำพิธีไหว้ครูและร่ายรำมวยไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน “ประเจียด” นั้น นักมวยสามารถคาดไว้ที่ต้นแขนตลอดเวลาของการชกบนเวทีได้
เครื่องดนตรีประกอบมวยไทย นี่ความเป็น “มวยไทย” ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นเรื่องของนักมวยและศิลปะแห่งแม่ไม้มวยไทยเท่านั้น เครื่องดนตรีที่บรรเลงระหว่างการชกของมวยทุกคู่ก็มีความสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเครื่องดนตรีที่ใช้มาบรรเลงประกอบการแข่งขันชกมวยไทย มีชื่อเรียกกันว่า “วงปี่กลอง” ซึ่งประกอบไปด้วย นักดนตรีที่ร่วมกันบรรเลงจำนวน 4 คน ส่วนเครื่องดนตรีประกอบด้วย ปี่ชวา 1 เลา กลองแขก 2 ใบ และฉิ่ง 1 คู่ เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า หากอยากดูมวยไทยที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมอันงดงามไว้อย่างครบถ้วนต้องเป็นที่เวที “ราชดำเนิน” เท่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews