Home
|
สุขภาพ

สธ.ลงพื้นที่เสม็ด กระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวนำร่อง เข้มมาตรการ COVID

Featured Image

กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง กระตุ้นสถานประกอบการปฏิบัติตามมาตราการCOVID Free Setting อย่างเคร่งครัด ลดการติดและแพร่เชื้อของโควิด-19

วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2564) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศด้วยมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ด้านการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้องณ เกาะเสม็ด จังหวัดระยองว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ที่มีแนวโน้มดีขึ้น และรัฐบาลได้มีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เน้น 4 หลักสำคัญเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ และประชาชนจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติแบบวิถีใหม่ ได้แก่ 1) การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมได้ตามเป้าหมาย 2) การป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา 3) กิจการกิจกรรมเข้มมาตรการ COVID Free Setting และ 4) การตรวจหาเชื้อเมื่อมีความเสี่ยงด้วย ATK โดยการลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยองในครั้งนี้ เนื่องมาจากเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่มีความพร้อมด้านแหล่งท่องเที่ยว สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่ จึงต้องเน้นย้ำให้สถานประกอบการบนเกาะเสม็ดที่ได้รับแนะนำจากกรมอนามัยจำนวน 92 แห่งจาก 213 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Settingอย่างเคร่งครัด 3 ด้านได้แก่ 1) COVID Free Environment สิ่งแวดล้อมปลอดภัย 2) COVID Free Personnel พนักงานปลอดภัยและ 3) COVID Free Customer ผู้ใช้บริการปลอดภัย

“ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ยังไม่ได้ประเมินตามมาตรการ COVID Free Setting สามารถประเมินตนเองได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ stopcovid.anamai.moph.go.th โดยทุกสถานประกอบการที่ประเมินผ่าน สามารถพิมพ์ใบรับรองผล เพื่อติดไว้หน้าร้านแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ได้แก่ 1) ใบรับรอง Thai Stop COVID Plus (TSC+) ซึ่งสถานประกอบการทุกแห่งในทุกจังหวัดต้องประเมินตนเองตามมาตรการ TSC+2) ใบรับรอง COVID Free Setting (CFS หรือ TSC2+) เฉพาะจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวรองรับการเปิดประเทศ หรือจังหวัดที่จะนำเอามาตรการไปปรับใช้ โดยให้สถานประกอบการเลือกประเมิน COVID Free Setting ซึ่งควรผ่านการประเมิน TSC+ เพื่อสามารถประเมิน COVID Free Setting ต่อไป และ 3) สติ๊กเกอร์ COVID Free Setting ประเมินโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กำหนด โดยมีการแจ้งความประสงค์จากสถานประกอบการ สำหรับช่องทางภาคประชาชนเพื่อประเมินสถานประกอบการ สามารถดำเนินการใน 3 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 สแกน QR Code ใน E-Certificate ของสถานประกอบการที่ไปใช้บริการ ช่องทางที่ 2 ประเมินผ่านทางเว็บไซต์ Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย และ ช่องทางที่ 3 ประเมินผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ผู้พิทักษ์อนามัย COVID watch” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ทางด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดำเนินการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus (TSC+) เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการประเมินตนเองตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และไทยเซฟไทยเป็นเครื่องมือเพื่อการมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเดินทางเข้า-ออกสถานประกอบการของพนักงานและผู้รับบริการ เพื่อคัดกรองอาการเสี่ยงของโรคโควิด-19 พร้อมมีข้อแนะนำสำหรับการลดความเสี่ยงแต่ละระดับ โดยข้อมูลวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 มีสถานประกอบการประเมินตนเองในระบบ Thai Stop COVID Plus (TSC+) จำนวน 64,415 แห่ง ผ่านการประเมิน จำนวน 58,156 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 90.28 ประเมินตนเองตามมาตรการ COVID Free Setting จำนวน 6,883 แห่ง ผ่านการประเมินจำนวน 6,610 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 99.03 และมีการประเมินอาการเสี่ยงผ่านไทยเซฟไทยแล้ว จำนวน7,882,867 ครั้ง

“สำหรับนักท่องเที่ยวขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของพื้นที่นั้น ๆ อย่างเคร่งครัดเช่นกันและคุมเข้มตนเองขั้นสูงสุด Universal Prevention ด้วยการเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย1 เมตรสวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้า ใส่ให้แนบสนิทกับใบหน้าปิดทั้งจมูกและปากตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ หากมีความเสี่ยงให้แยกตัวจากผู้อื่น และตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ให้ตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรก3 – 5 วัน หรือเมื่อมีอาการ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube