ข่าวต้นชั่วโมง 14.00 น.
ศบค.ห่วงคลัสเตอร์พุ่ง พบหลายจุดมีความเชื่อมโยงกัน ปัดทำตื่นตระหนก น้อมรับคำติ
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยตัวเลขสถานการณ์ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 80 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,671ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2,067 ราย ผู้ป่วยในเรือนจำ 604 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 177,467 ราย รักษาอยู่ 49,714 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,209 ราย และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 361 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 126,517 ราย หายเพิ่ม 2,245 ราย เสียชีวิตใหม่ 23 ราย รวมเสียชีวิต 1,236 คน ด้านยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 4,190,503 โดส
พร้อมกันนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า ยังคงพบการเดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติในวันนี้พบ 16 ราย รวมมีการลักลอบ 173 ราย ซึ่งเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงลักษณะการกระจายของเชื้อ โดยกรมควบคุมโรคได้เสนอภาพจังหวัดต่างๆที่มีการรายงานพบมีการเชื่อมโยงการติดเชื้อและประวัติเสี่ยง อาทิ จังหวัดร้อยเอ็ดติดจากคนในครอบครัว, จังหวัดมหาสารคามติดจากผู้ป่วยยืนยันจังหวัดฉะเชิงเทรา, จังหวัดหนองบัวลำภู ติดจากผู้ป่วยยืนยันกรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรี เป็นต้นซึ่งการควบคุมโรค ไม่ได้อยู่ที่พื้นที่ แต่อยู่ที่บุคคลที่เคลื่อนย้าย หากอยู่ที่หนึ่งและมีการปิดสถานที่ทำงานก็จะมีการเคลื่อนย้ายไปอีกที่หนึ่ง เช่น เดินทางกลับบ้าน ซึ่งไม่ผิด โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า มาตรการใดๆที่ออกมา แห่งหนึ่ง ก็จะกระทบและมีผลอีกด้านหนึ่งเสมอ นี่คือสิ่งที่เรียนรู้กันจากการแพร่ระบาดโควิด-19
ส่วนการรายงานสถานการณ์กรุงเทพและปริมณฑลมี คลัตเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 63 แห่ง พบคลัสเตอร์ใหม่ 4 พื้นที่คือ เขตดุสิตที่ ตลาดเทวราชเทเวศน์, เขตราชเทวี ที่ชุมชนเพชรบุรีซอย 10 และซอยหลังโรงเรียนกิ่งเพชร, เขตลาดพร้าวที่แคมป์ก่อสร้างบริษัทซิโน-ไทยและเขตวัฒนา ที่ชุมชนมาชิม และชุมชนเฉลิมอนุสรณ์ โดย ชุดข้อมูลที่ได้เสนอออกไป บางครั้งมีชื่อสถานที่ หรือไม่มีนั้น ไม่ได้มีเจตนาปกปิดข้อมูล หากบางส่วนไม่ถูกต้อง ตนเองขอน้อมรับ และข้อมูลส่วนใหญ่ 99% ไม่ได้ปิดบังรวมถึงจะนำไปปรับปรุงหากข้อมูลยังไม่สอดคล้องกัน ซึ่งการติดเชื้อในแต่ละที่มีจริงแต่ข้อมูลอาจล่าช้า จึงขอให้เข้าใจ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news