สธ.แจงวัคซีนต่างชนิดภูมิไม่เท่ากัน เร่งฉีด เพื่อลดอัตรการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์วัคซีนของประเทศไทย ว่าผลการฉีดวัคซีนโควิด 19 จำนวน 3 ยี่ห้อ ได้แก่ ซีโนแวค แอสตรเซเนกา และซีโนฟาร์ม ในประเทศไทยช่วงวันที่ 28 ก.พ.- 22 ก.ค. ที่ผ่านมาได้ดำเนินการฉีดไปแล้วทั้งสิ้น15,388,939 โดส โดยจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเสี่ยงก่อนเป็นกลุ่มแรก เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต หากได้รับเชื้อ ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไป 18-59 ปี ไม่มีโรคประจำตัวจะเป็นกลุ่มถัดไปที่จะได้รับการฉีดวัคซีน
นพ.ทวีทรัพย์ ได้กล่าวถึงประเด็นการศึกษาหาประสิทธิผลของวัคซีนซีโนแวคที่มีข้อมูลปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ ว่าการฉีดวัคซีนซีโนแวค สามารป้องกันโควิดได้ 90% นั้น ขอชี้แจงว่า การวัดประสิทธิผลของวัคซีนไม่ได้วัดที่ภูมิต้านทาน หรือการวัดค่าที่ตัวเลขต่างๆ แต่เป็นการวัดและทดสอบจากใช้งานจริงว่าวัคซีนสามารถมีประสิทธิผลป้องกันโรคได้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นการศึกในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์อัลฟ่า ใน3พื้นที่ คือ ภูเก็ต สมุทรสาครและเชียงราย จากการคำนวณอัตราผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้รับการการฉีดวัคซีนซีโนเวคครบ2 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน พบว่าใน 3 พื้นที่ ผู้ที่ฉีดวัคซีนมีประสิทธิผลใกล้เคียงกันประมาณ 90% ส่วนประสิทธิผลในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล
ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของการฉีดวัคซีน คือ ลดอัตราการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อ, ปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถดำเนินการด้านสุขภาพต่อไปได้ และเป้าหมายการกลับไปใช้ชีวิตหลังติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามวัคซีนถือเป็นเพียงเครื่องมือป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการป่วยรุนแรง แต่วัคซีนไม่ได้ช่วยป้องกันโรคได้100% ดังนั้นต้องอาศัยการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ของประชาชนเพื่อควบคุมและลดการแพร่ระบาดเชื้อ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news