นายกฯ เผยสถานการณ์โควิดในไทยเริ่มชะลอตัว แต่ยังห่วงยอดผู้เสียชีวิต ศบค.จึงมีมติขยายล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ FB ถึงสถานการณ์โควิด -19 โดยระบุช่วงหนึ่งว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด ของประเทศไทย หลังจากเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมแม้ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน มากกว่า 20,000 คน แต่เริ่มจะเห็นสัญญาณของการชะลอตัว และมีสัญญาณของผู้ป่วยที่หายดีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายวัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ตัวเลขของผู้เสียชีวิต ที่แม้ว่าเราจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก แต่ก็ยังมีบางวัน ที่ยังขึ้นสูงอยู่ และเราทุกคน ไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้วิเคราะห์ว่า หากเราสามารถ
เพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ได้มากกว่านี้ ก็จะลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่ประชุม ศบค. จึงมีมติให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งหากเราสามารถควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้
อย่างไรก็ตาม การที่จะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้นั้น ต้องมาจากความร่วมมือของพวกเราทุกคน ดังนั้นคณะแพทย์ที่ปรึกษา ศบค. จึงลงความเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ต้องยกระดับการป้องกันตัวเอง ด้วยหลักการที่เรียกว่า Universal Prevention หรือ การป้องกันโรคขั้นสูงสุดที่ครอบคลุมทุกคน ในช่วงท้ายของข้อความ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้รับรู้ความเจ็บปวดของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องปิดกิจการหรือผู้ที่ต้องสูญเสียรายได้จากมาตรการต่างๆของรัฐ หรือแม้แต่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคร้ายนี้ ตนเจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้ง
ที่ได้อ่านข่าวผู้เสียชีวิตจากโควิด และเป็นสิ่งเตือนใจตลอดเวลาว่า จะต้องทำให้ได้ดีกว่านี้ ในการพยายามหาหนทางทุกๆทางที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงให้มากที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news