มติ คกก.โรคติดต่อลดกักตัวแค่ 7 วัน หากฉีด 2 เข็ม ลุยเปิดประเทศอีก รอชงศบค.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ร่วมกับนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายอนุทิน เปิดเผย ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นมีอัตราการติดเชื้อ และการเสียชีวิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะเป้าหมายหลักคือต้องการไม่ให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นโดยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีข้อสรุป คือ
1 ที่ประชุมรับทราบเรื่องการให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กนักเรียน นักศึกษา หรือเทียบเท่า อายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดการเรียน-การสอน จากข้อมูลมีเด็กที่เข้าข่ายทั้งสิ้นกว่า 4.5 ล้านคน
2 รับทราบแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 โดยมีเป้าหมายที่จะให้วัคซีนประชาชนให้ครอบคลุมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะนี้มีวัคซีนจากการจัดการตามแผน 125 ล้านโดส คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายได้ในเดือนธันวาคมนี้
3 มีมติเห็นชอบและรับทราบความคืบหน้าในการเสนอ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วในวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ยืนยันว่า สธ. มีความพร้อมหากกฎหมายมีผลบังคับใช้
4 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับลดการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าในประเทศไทย จากเดิม 14 วัน ซึ่งวันนี้เห็นชอบให้ลดวันกักตัว 14 วัน 10 วัน และ 7 วัน แล้วแต่กรณี หากลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ผู้ที่เดินทางเข้ามาต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือวัคซีนครบกำหนด พร้อมด้วยตรวจหาเชื้อโควิด-19ด้วยระบบ RT-PCR และเมื่อมาถึงประเทศไทยต้องตรวจอีก 2 ครั้งก่อนและหลังกักตัว หากทำได้ทุกประการเช่นนี้จะกักตัวเพียงแค่ 7 วัน ส่วนการกักตัว 10 วัน ที่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยระบบ RT-PCR 2 ครั้ง ก่อนและหลังวันกักตัว และต้องเป็นช่องทางทางอากาศเท่านั้น และหากยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วมาด้วยช่องทางอื่น ๆ เช่น ทางบก ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยระบบRT-PCR 2 ครั้ง ก่อนและหลังวันกักตัว แต่ต้องกักตัว 14 วัน สำหรับมาตรการนี้ใช้เกณฑ์เดียวกันกับทุกประเทศ ซึ่งจะเสนอกับทาง ศบค. ให้พิจารณาต่อไป
5 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการนำร่องไปแล้วหลายจังหวัด จากนี้จะมีการเปิดเพิ่มเติม
ส่วนกระแสข่าวที่ประเทศไทยไม่ตอบสนอง ไม่ดำเนินการเรื่องเอกสารการบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากทางสหรัฐอเมริกา จนทำให้ไม่สามารถส่งวัคซีนมาให้ประเทศไทยได้อีกรอบนั้น ทาง สธ. ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คาดว่าเป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อน เนื่องจากว่าผู้ประสานงานหลักกระทรวงการต่างประเทศ และสธ. ยังไม่ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่อยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐอเมริกา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news