“อนุทิน”ยันทำอะไรไม่ได้ บริษัทยา ไม่เลือกไทย ถ่ายทอดสูตรผลิต แพกซ์โลวิด ยันมีแผนในการจัดซื้อ ย้ำไม่มีช้า เมินวิจารณ์ไม่ถูกเลือกเพราะการเมือง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณุสข กล่าวถึงกรณีประเทศไทย ไม่อยู่ใน 95 ประเทศที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรการผลิตยารักษาโรคโควิด-19 แพกซ์โลวิด (Paxlovid) จากบริษัท ไฟเซอร์ ว่า การที่จะจัดว่าประเทศในจะได้รับสิทธิบัตรการผลิตยา ทางบริษัทฯ มีเกณฑ์การตัดสินใจอยู่แล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่ให้ความมั่นใจว่า สาธารณสุขมีแผนจัดเตรียมยา เช่นวัคซีน ที่เราเตรียมไว้แล้ว ขณะยาฟาวิพิราเวียร์ ที่มีอยู่ ก็มีสรรพคุณดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้มีประสิทธิภาพ การที่เรามีแผนจัดหายาแพกซ์โลวิด หรือยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ก็เป็นการอะเลิร์ท ต่อสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเอามาเป็นยาหลักโดยขณะนี้ยาแพกซ์โลวิด ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งผู้ผลิตกำลังยื่นขอขึ้นทะเบียนกับทางสหรัฐอเมริกาอยู่เช่นกัน
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าว มีความเชื่อมโยงเรื่องการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน ถามกลับสั้นๆ ว่า ใคร ตนไม่ได้ยิน และไม่ได้อ่าน เชื่อแพทย์ของสาธารณสุขที่มีประสบการณ์โควิด-19 กว่า 2 ปี เป็นผู้ปฏิบัติงาน เป็นผู้ใช้ยาจริง และยาใดได้ผลมีประสิทธิภาพในการรักษา อย่างที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานว่า การใช้วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าของไทยมีการศึกษา พบว่า สร้างภูมิคุ้มกันมากกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นเน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมายอยู่แล้ว ไม่มีช้า ไม่มีทำอะไรที่เกินอำนาจหน้าที่ และไม่มีทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์หรือผิดกฎหมาย
ส่วนการผลักดันให้สูตรไขว้ในประเทศไทยได้รับการยอมรับในต่างประเทศ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสถาบันต่างๆ อยู่แล้ว
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ไทยไม่ได้อยู่เกณฑ์ที่บริษัท ไฟเซอร์ จะให้สูตรผลิตยาแพกซ์โลวิด ใน 95 ประเทศเนื่องจากเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-สูง โดยบริษัท ไฟเซอร์ ได้มีการแจ้งมาแล้วว่า ไทยไม่ได้อยู่ใน 95 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยมีความพยายามเจรจาต่อรองเรื่องการขอสูตรผลิตยาแพลกซ์โลวิด แต่ต้องเป็นการเจรจาในระดับประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news