ศบค.เข้ม 7 ขั้นตอนตรวจเชื้อแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ เตรียมประเมินสถานการร์ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มอีกศุกร์นี้
แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.กล่าวว่าจากการรายงานการติดเชื้อแยกตามคลัสเตอร์ทุกครั้งจะพบการติดเชื้อในกิจการเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน, แคมป์ก่อสร้าง หรือ ตลาดซึ่งการทำกิจการเหล่านี้จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจปัจจัยหลักอยู่ที่แรงงาน ซึ่งมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้นจะพบว่ามีความต้องการแรงงานมากขึ้นและมีการลักลอบแรงงานนำเข้าอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งที่ประชุม ศบค. 12 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีมติรับแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติเข้ามาอย่างถูกกฎหมายเพื่อที่คนไทยมีความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดเนื่องจากแรงงานเข้ามาอย่างถูกต้อง รวมถึงแรงงานต่างด้าวได้รับการดูแลสุขภาพตามมาตรการสาธารณสุข ซึ่งมี 7 ขั้นตอน จำเป็นต้องมีการหารือและประชุมกับทุกหน่วยงาน ซึ่งศบค.ชุดเล็กมีการติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะและมีประเด็นห่วงใยและพูดคุยอย่างต่อเนื่องเช่นหากมีรายงานต่างด้าวเข้ามาในด่านต่อวันปริมาณมากได้มีการจัดเตรียมสถานที่กักตัวในพื้นที่เพียงพอหรือไม่และมีการรองรับอย่างไรแค่ไหน รวมถึงเรื่องการได้รับวัคซีนจากประเทศต้นทางว่าได้ครบสองเข็มถ้ามีการกักตัวเจ็ดวันหากไม่ครบจะมีการกักตัว 14 วันและมีการตรวจ RT-PCR เมื่อกักตัวที่ประเทศไทยทั้งหมดมีการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากนายจ้างเจ้าของกิจการ ซึ่งขณะนี้มีนายจ้างยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการจำนวนมากแล้ว โดยหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อที่กรมการจัดหางาน สายด่วนศูนย์มิตรไมตรี 1694 หรือสายด่วน 1506 กด2
อย่างไรก็ตาม 7 ขั้นตอนจะมีการพูดคุยและประชุมติดตามนำเข้าเป็นข้อมูลสำคัญในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันศุกร์นี้ ขอให้ติดตามรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งวันศุกร์นี้จะมีการประเมินสถานการณ์มาตรการ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาว่าผ่อนคลายการดำเนินนโยบายตั้งแต่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาจะมีการผ่อนคลายได้มากขึ้น, การปรับพื้นที่สีมาตรการต่างๆ, การรายงานความก้าวหน้า, การรับแรงงานต่างด้าวสามสัญชาติเข้ามาในประเทศ และเรื่องมาตรการกิจการสถานบันเทิง ซึ่งขอให้ติดตามมติและผลสรุปจากที่ประชุมศุกร์นี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news