ข่าวต้นชั่วโมง 18.00 น.
รมว.พาณิชย์ เอาผิดกักตุน-ฉวยโอกาสขึ้นราคา ค้ากำไรเกินควร ดำเนินคดีลงโทษขั้นสูงสุด ฝากประชาชนช่วยแจ้ง 1569
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกรณีการแก้ปัญหาราคาหมูในประเทศว่า ภาพรวมของการแก้ปัญหาหมูนั้นทุกฝ่ายทราบแล้วว่าปริมาณหมูในระบบขาดแคลน โดยต้องดำเนินการร่วมกันหลายกระทรวง และนายกรัฐมนตรีได้เข้ามาช่วยสั่งการ
ซึ่งแนวทางแก้ไขคือ ต้องเร่งเพิ่มปริมาณหมูในระบบ เพื่อให้ความต้องการและการผลิตมีความสมดุลขึ้น ราคาจะได้ปรับลดลงสู่ระดับที่เหมาะสมกว่าในปัจจุบัน เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีมติเตรียมดำเนินการวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขพิเศษ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการเร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู วงเงิน 30,000 ล้านบาท และกรมปศุสัตว์ เร่งผลิตลูกหมูประมาณ 300,000 ตัวต่อสัปดาห์ และเร่งประสานงานกับผู้เลี้ยงหมูรายย่อย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนของอาหารสัตว์ที่เป็นต้นทุนสำคัญในการเลี้ยงหมูมีความเห็นบางส่วนว่าควรปรับลดภาษีวัตถุดิบบางส่วนซึ่งเป็นหน้าที่กระทรวงการคลังพิจารณา ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินการในเรื่อง การสั่งห้ามส่งออกหมูเป็นการชั่วคราว เพื่อให้หมูกลับสู่ระบบอีกประมาณ 1,000,000 ตัว ติดตามการขายหมูตั้งแต่หน้าฟาร์ม
โดยทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ กำหนดราคาหมูหน้าฟาร์ม และกำหนดทิศทางราคาที่ควรจะเป็น โดยกรมการค้าภายในไม่ให้เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรหรือฉวยโอกาส เพื่อมุ่งเน้นให้ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมีรายได้ที่จูงใจ กลับเข้ามาเลี้ยงหมูต่อไป และมีกำไรพอยังชีพต่อไปได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็อยู่ได้ ผู้บริโภคก็พอใจไม่เป็นภาระจนเกินสมควร
สำหรับผู้ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ให้ดำเนินคดีโดยเคร่งครัด และที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวว่าอาจจะมีการกักตุนเนื้อหมูในประเทศ ขณะนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นแกนสำคัญในการเข้าไปตรวจสต๊อกร่วมกับกรมปศุสัตว์และพาณิชย์จังหวัด หากพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา จะมีการดำเนินคดีลงโทษขั้นสูงสุด และฝากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หรือหากพบการกระทำความผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิดขอให้ช่วยแจ้ง สายด่วน 1569 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ลงไปตรวจสอบทันที
และสำหรับภาพรวมในเรื่องของราคาสินค้าในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ตั้งวอรูมทั้งในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัดโดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในระดับประเทศและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นประธานวอรูมในส่วนแต่ละจังหวัดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ดำเนินการในขณะนี้เฉพาะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมผู้ผลิต ผู้ประกอบการผู้ค้า และสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจับมือกันตรึงราคาสินค้าหมวดสำคัญต่อชีวิตประจำวัน มีมาตรการออกมาชัดเจนในหลายเรื่อง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่มีการขึ้นราคา น้ำอัดลม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอสปรุงรส ส่วนของไข่ไก่นั้น อธิบดีกรมการค้าภายในเชิญส่วนที่เกี่ยวข้องมาคุยกัน ตกลงว่าจะตรึงราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มไว้ที่ 2.90 บาท ส่วนราคาขายส่งขายปลีกจะบวกไป ซึ่งมีสูตรคำนวนชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องไก่ ได้มีมติให้เป็นสินค้าควบคุม ทั้งไก่เป็น และผลิตภัณฑ์จากไก่ ซึ่ง กกร.มีมติแล้ว จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารหน้า รวมทั้งกำหนดให้ไก่ หรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับไก่ ต้องแจ้งสต๊อก ต้นทุน และ กรมการค้าภายในประชุมร่วมกับผู้ประกอบการและเกษตรกร ถึงราคาที่เหมาะสมควรว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ในภาพรวมสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน หากมีการปรับราคา กรมการค้าภายในยังไม่มีการอนุญาตให้สินค้ารายใดที่ต้องขออนุญาตปรับราคาขึ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยนโยบายตนให้ไว้ชัดเจนว่าต้องตรึงราคาไว้ให้มากที่สุด แต่ทุกฝ่ายต้องอยู่ได้ด้วยความเป็นธรรม และถ้าใครทำผิดกฎหมาย ละเมิดข้อตกลง หรือว่ากักตุนฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร ให้ผู้มีหน้าที่ดำเนินคดีและให้ลงโทษขั้นสูงสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews