“หมอยงค์” ยัน วัคซีนโควิด-19 ของไทยมีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานได้
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเด็นของประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 นั้น ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้ต้องศึกษาความปลอดระยะยาว โดยการฉีดวัคซีนในภาวะปกติ ก็มีความเสี่ยงแต่หากเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่ได้ในภาวะฉุกเฉิน ก็คงต้องเปรียบเทียบน้ำหนักกันระหว่างอันตรายและประโยชน์ที่ได้ ทั้งนี้พบข่าวว่าเดนมาร์กเลิกใช้แอสตร้าเซนเนก้า และสหรัฐอเมริกา ระงับการใช้ของจอห์สันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจากเกิดผลข้างเคียงเกี่ยวกับลิ่มเลือด, การอุดตันของหลอดเลือดดำ แต่เมื่อศึกษาอย่างลึกซึ้ง จะเห็นว่าโอกาสการเกิด คือ 1 ในหลักแสน เพราะฉะนั้นการเกิดยอมรับว่าเกิดได้แต่ประโยชน์ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคนที่เสียชีวิตจากวัคซีนกับ คนที่เสียชีวิตจากโควิด-19 จะเห็นว่าห่างกันเกือบพันเท่าจึงเห็นว่าประโยนช์มีมากกว่า
ซึ่งขณะนี้สหรัฐอเมริกาก็ได้ยอมที่จะใช้ของจอห์สันแอนด์จอห์นสันต่อ ส่วนที่อังกฤษ หลังฉีดแอสตร้าเซนเนก้า จำนวนผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิตก็ลดลง สำหรับประเทศไทย จุดหนึ่งที่จะช่วยลดวิกฤติได้นอกเหนือจากการปฏิบัติตัวสิ่งสำคัญคือวัคซีนที่จะต้องรีบให้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ใช้วัคซีนของ Sinovac เบื้องต้นจากการศึกษาเหตุการณ์หลังมีผู้รับวัคซีนมีผลข้างเคียง พบว่า ผู้ที่เข้ารับวัคซีนเกือบทุกคน มีความดันขึ้นสูงกว่าปกติทั้งหมด อาจจะเพราะความตื่นกลัว เพราะฉะนั้นจึงอยากสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ เพราะจากการศึกษาผลวิจัยในจีน พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก ก่อนจะฉีดเข็มที่ 2 มีข้อมูลว่า 2 – 3 เริ่มตรวจพบภูมิต้านทานระดับต่ำ แต่เมื่อฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้ว เข้าสู่ 3 – 4 สัปดาห์ หลังฉีด พบมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น 98 – 99 % ถือว่ามีภูมิต้านทานสูงเท่ากับคนที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน นอกจากนี้ยังมีการนำผู้ที่ติดเชื้อโควิดในช่วง 4 – 8 สัปดาห์มาวัดภูมิต้านทานกับคนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในระยะ 2 – 4 สัปดาห์ ก็พบว่ามีเท่ากัน ตนเองจึงกล้าพูดได้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานได้อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news