สายพันธุ์อินเดียระบาดแคมป์คนงานได้อย่างไร
การแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทยปัจจุบันยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากมียอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคลัสเตอร์ใหม่แคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานครกำลังเขย่าขวัญคนไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นเชื้อโควิดสายพันธ์อินเดีย ที่ถูกล่าวขานว่าน่ากลัว และอันตรายกว่าสายพันธ์อังกฤษ ที่ระบาดอยู่ก่อนหน้านี้ และที่สำคัญที่สุดคือยังไม่มีวัคซีนตัวใดป้องกันกันได้เมื่อ ศบค.ตรวจพบแล้ว จึงน่าสนใจว่า การดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาด จะเป็นในลักษณะใด เพราะเดิมทีมีการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย มาก่อนแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากปากีสถาน และเข้าสู่กระบวนการกักกันตัวในสถานกักกันของรัฐ และไม่ได้แพร่เชื้อสู่ภายนอก ก่อนจะมาพบล็อตใหญ่ที่แคมป์คนงานก่อสร้างย่านหลักสี่ พร้อมกับคำถามว่าเชื้อสายพันธ์อินเดียนี้มาได้อย่างไร
“สาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ยอมรับกับไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า มีความเป็นไปได้ ที่สายพันธ์อินเดียในแคมป์คนงาน จะมาจากผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง แต่ต้องรอการตรวจสอบและยืนยันจากทีมสอบสวนโรคอีกครั้ง
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยระบุไว้ตอนพบในสถานที่กักกันว่า การพบ “สายพันธุ์อินเดีย” ในสถานที่กักกัน ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่น่าวิตกกังวล เพราะ ถ้าตรวจพบก็จะกักกันจนปลอดภัยไม่ให้ระบาดได้ แต่เมื่อพบนอกสถานที่กักกันแล้ว ย่อมสร้างความวิตกให้กับประชาชนเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อมูลของ นพ.ธีรวัฒน์ เหมจุฑาหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุ ถ้ามีสายพันธุ์อินเดียแพร่คนไทยสู่คนไทย ต้องระวัง การตรวจจับอาจไม่แม่นยำเพราะเชื้อชอบลงลึกในปอด แยงจมูกไม่เจอ กระบวนการตรวจ พีซีอาร์ อาจจับได้ไม่หมด เพราะรหัสพันธุกรรมเพี้ยน ถ้าแพร่ไป อาจมีปัญหากับวัคซีน การคัดกรองที่เร็วที่สุดคือการตรวจเลือดว่าติดเชื้อหรือไม่ จึงน่าสนใจว่า มาตรการขงอ ศบค.กระทรวงสาธารณสุข และ กทม.ที่ใช้หลักการบับเบิ้ลแอนด์ซีล ในการคุมเข้มในแหล่งแพร่เชื้อจะสามารถจำกัดวงของการแพร่ระบาดได้รวดเร็วแค่ไหน และใครต้องรับผิดชอบ หากต้นตอมาจากลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
