“เสี่ยหนู”ยังมีราคากับ”ราชสีห์ตู่” หรือไม่
ดูเหมือนว่าช่วงหลังๆ เสี่ยหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะถูกจับตาจากสาธารณะชนมากเป็นพิเศษ ในหลายสถานะ โดยหัวโขนแรกคือการเป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงคุณหมอ ที่ต้องเจอคำถามในประเด็นการบริการจัดการโควิด-19 รวมไปถึงเรื่องของการฉีดวัคซีน ที่ขณะนี้ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดเดียวของคนไทยทั้งประเทศ
ส่วนหัวโขนที่สอง เสี่ยหนูในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถือว่าเป็น “ของมันต้องมี” ของรัฐบาลประยุทธ์ เป็นฐานค้ำยันร่วมกับค่ายประชาธิปัตย์ ที่ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลยังคงแข็งแกร่ง และเมื่อ “ลุงตู่” ปฎิเสธการลาออกตามที่หลายฝ่ายตะโกนเรียกร้อง ทางเลือกต่อมาคือบีบให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่ถูกจี้ถามบ่อยครั้งล่าสุด เสี่ยหนูตอบ ว่า วันนี้เราเป็นรัฐบาลที่อยู่ด้วยกันมา2 ปี กว่ายังทำงานร่วมกันได้
เมื่อสื่อจี้ถามว่ายังไม่คิดถอนตัวใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบทันควันว่า “ไม่ใช่ไม่ได้คิด แต่ไม่เคยคิด ไม่มีเหตุผลที่จะคิด ทำงานด้วยกันแล้วจะถอนตัวออกมาก่อน นอกจากมีอะไรในการอยู่ร่วมกันไม่รักษาศักดิ์ศรี ไม่รักษาหน้ากัน แต่ตอนนี้ไม่มี ซึ่งไม่มีใครทนอยู่หากอยู่ร่วมกันไม่ให้เกียรติกัน” ก่อนจากทิ้งท้ายว่า “ยังต้องไปถามนายกฯ ว่าพรรคภูมิใจไทยมีความหมายหรือไม่ในการเป็นพรรคร่วม”
ถ้าจับนัยยะระหว่างบรรทัดที่เสี่ยหนูกล่าว พบว่าเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ค่ายภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลคือเรื่องของ “ไม่รักษาศักดิ์ศรี ไม่รักษาหน้ากัน ไม่ให้เกียรติกัน แลยังมีความหมายหรือไม่” ซึ่งก็ต้องล้วงลึกลงไปอีกว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของทั้งพรรคพลังประชารัฐ และตัวนายกประยุทธ์ เองมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายตามที่เสี่ยหนูระบุถึงไว้หรือไม่ รวมไปถึงที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยยังมีความหมายกับรัฐบาลนี้หรือไม่
โดยที่ผ่านมามีสัญญาณแปร่งๆแผดรังสีอำมหิตมาจากลุงตู่ ส่งไปยังเสี่ยหนูหลายครั้ง ทั้งในเรื่องของการให้สัมภาษณ์ที่ขัดแย้งกัน หรือการลดทอนบทบาทของเสี่ยหนู ทำให้เกิดสงครามตัวแทนระหว่าง “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ค่ายพลังประชารัฐ กับ “บังซุบ”นายศุภชัย ใจสมุทร ศิษย์ภูมิใจไทย ในประเด็นการรวบอำนาจในการแก้ปัญหาโควิด ผ่าน ศบค.
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่นายก สั่ง เบรก walk in วัคซีน เพราะหวั่นไปพร้อมกันที่จุดเดียว จะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ซึ่งถือว่าหักหน้าอย่างแรงเพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน เสี่ยหนู เพิ่งจะยืนยันกับนักข่าวทำเนียบรัฐบาลว่า พร้อมเปิดวอล์กอิน อย่างแน่นอน หรือจะเป็น กรณีที่ก่อนหน้านี้ ที่ “บิ๊กตู่” ตั้งคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มเติมร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนแต่ไม่ปรากฏชื่อ เสี่ยหนู ในคณะทำงานชุดนี้ หรือกรณีที่ประชุมครม. เห็นชอบการโอนอำนาจใน 31 กฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกฎหมายในอำนาจของ รมว.สาธารณสุข ให้ ลุงตู่มีอำนาจสั่งการแต่เพียงผู้เดียว
และล่าสุด เสี่ยหนู สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ รายการ “เจาะลึกทั่วไทยฯ” ว่า เพิ่งทราบเรื่อง “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” เพิ่มอำนาจนำเข้าวัคซีน เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ไม่ได้ทราบล่วงหน้ามาก่อนดังนั้น จำเป็นต้องถาม รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ว่า จะซ้ำซ้อน กับหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ เพราะการประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ต้องผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาว่าต่อไปนี้ หนู-อนุทิน จะยังคงมีค่า มีราคา มีความหมายกับ “ราชสีห์-ประยุทธ์ หรือไม่ เพราะถ้าวันใดคำตอบคือไม่แล้ว นั้นหมายถึงนับถอยหลังยุบสภา นั้นเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news