“ลุง” แจงแล้วนะ กู้ 5 แสนล้านสู้โควิด
หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียง ถึงประเด็นการประชุมลับโดยไม่ชี้แจงรายละเอียดการเตรียมกู้เงินผ่าน พระราชกำหนด หรือ พรก. ทำเอาหลายฝ่ายจับตาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงความรับลมคมใน และไม่โปร่งใสที่จะชี้แจงต่อประชาชน จนล่าสุดผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา อนุมัติวงเงินกู้สู้โควิด วงเงิน กู้ 5 แสนล้าน บาท พร้อมแถลงรายละเอียดชัดเจน แม้ที่ผ่านมาภาคเอกชนจะให้การสนับสนุน ให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มเติมจากวงเงินที่เคยกู้ไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลกว่าจะแสดงความชัดเจนได้ก็ใช้เวลาไปหลายสัปดาห์
โดยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีรอบล่าสุดที่ผ่านมาได้ตั้งโต๊ะแถลงรายละเอียด นำโดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาสภาพัฒน์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ยืนยันว่า การกู้เงินตาม พ.ร.ก. อีก 5 แสนล้านบาทเพิ่มเติมเป็นไปตามกฎหมาย โดยการกู้เงินในครั้งนี้จะเป็นการกู้เงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศรวมไปถึงการออกตราสารหนี้ของรัฐบาล ซึ่งการกู้เงินนั้นจะเป็นการทยอยกู้ โดยทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โดยวงเงินทั้งหมดจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย การดำเนินการทางการแพทย์ 30,000 ล้านบาท การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 300,000 ล้านบาท และการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 170,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความจำเป็นในการกู้เงินดังกล่าวนั้น เพื่อให้รัฐบาลมีเงินงบประมาณรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าและต่อเนื่องไปได้
อย่างไรก็ตาม หากวงเงินกู้ดังกล่าวถูกกู้จนเต็มจำนวนในช่วงเดือนกันยายน 2564 จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 58.56 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ไม่เกินร้อยละ 60 ต่อจีดีพี รวมทั้งจะเป็นการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้อีกร้อยละ 1.5 ถือได้ว่าอย่างน้อยเป็นการแสดงความรับผิดชอบและความชัดเจนของรัฐบาลในการดำเนินโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการกู้เงินเป็นจำนวนมากที่ต้องมีความชัดเจนโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
ขณะที่ภาคเอกชนยังคงให้การสนับสนุนการกู้เงินรัฐบาลมากกว่าวงเงิน 5 แสนล้านบาทที่ได้ออกมา
โดย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากนี้รัฐบาลควรเตรียมวงเงินกู้ไว้เพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมจากวงเงิน 1 ล้านล้านบาท อีก 1 ล้านล้านบาท รวมเป็น 2 ล้านล้านบาท เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ และอาจจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 3 หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว พร้อมมองว่ามีวงเงินรองรับไว้ดีกว่าไม่มีวงเงินหาเกิดสถานการณ์เร่งด่วน ซึ่งประเด็นการกู้เงินคงไม่น่ากังวล เพราะระดับหนี้สาธารณะของประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำและเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง
ถือได้ว่าเป็นเสียงสะท้อนของภาคเอกชน พี่ต้องการความอุ่นใจในเม็ดเงินของรัฐบาลในการสนับสนุนเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ในระลอกล่าสุด
จากนี้ภาคประชาชนคงต้องมาติดตามและช่วยตรวจสอบการใช้เงินของรัฐบาลว่าโปร่งใสและคุ้มค่าทุกเม็ดเงินที่ได้มาในการรับมือกับ โควิด-19 ในรอบนี้หรือไม่ ทุกคนคงต้องช่วยกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
