ส่องขาช้อป ม.33-ลมหายใจธุรกิจ
ถือว่าเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพทยระบาดของ โควิด-19 ละลอกใหม่ซึ่งรัฐบาลได้มีการเพิ่มเงินจำนวน 2000 บาทให้กับผู้ประกันตนได้ใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและนำไปใช้ลดรายจ่ายในชีวิตประจำวันในการซื้ออาหารโดยเมื่อวานที่ผ่านมาถือว่าเป็นการเติมเงินเข้าแอปพลิเคชั่นเป๋าตังอีกครั้ง จำนวน 1000 บาท
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ติดตาม การจับจ่ายใช้สอยในโครงการ “ม33 เรารักกัน” ช่วงวันสิ้นเดือนที่ย่านบางลำพู หลังจากที่รัฐบาลได้โอนเงินงวดที่ 2 อีก 1000 บาทเข้ทแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง พบว่า มีผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิ์มาสแกนซื้อสินค้าและบริการ ตาม ร้านอาหาร ร้านขายสินค้า และบริการต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากการสอบถาม ร้านค้า บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ช่วงนี้เริ่มขายได้ หลังจากที่มีโครงการรัฐเข้ามา จากช่วงก่อนหน้านี้ การซื้อ-ขายค่อนข้างเงียบเหงา การมีโครงการ เราชนะ ม.33 เรารักกัน ทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น และสำหรับร้านค้า หากไม่เข้าร่วมโครงการปัจจุบันขายของยากมาก
ตลาดบางลำพูถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่มีการซื้อขายคึกคัก แต่ปัจจุบัน ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บางร้านเลิกกิจการ เพราะขายของไม่ได้ บางร้านต้องทนขาต่อเพื่อให้สินค้าหมด
ถัดจากนี้ย่านของบางลำภูอยู่ไม่ไกลกันมากนักที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อถนนข้าวสารซึ่งหากพูดถึงถนนข้าวสารแล้วภาพที่ทุกคนเคยเห็นคือสถานบันเทิงร้านค้าร้านอาหารที่เปิดอย่างเต็มพื้นที่ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมมารับประทานอาหารและร่วมวงสนทนาแต่ปัจจุบันหลังจากที่ได้เกิดการระบาดของ โควิด-19 ทำให้สถานที่แห่งนี้เงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้กะทั่งชาวไทยที่เดินทางมาใช้บริการอีกทั้งมาตรการของทางภาครัฐที่ต้องการควบคุมการแพร่ระบาด ได้มีการสั่งปิดสถานบันเทิงร้านอาหารเป็นการชั่วคราวทำให้บรรยากาศที่เคยเห็นผู้คนหนาแน่นกลับบางตาลง
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการถนนข้างสารต้องเจอปัญหาขาดสภาพคล่องหนักหนามาก ผู้ประกอบประกาศปิดกิจการถาวรหรือเซ้งกิจการแล้ว กว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจด้านอาหาร ธุรกิจบริการนวดเพื่อสุขภาพ
ประเด็นที่ทำให้ธุรกิจต้องปิดกิจการเพราะไม่มีเงินทุนไหลเวียนและขาดสภาพคล่องการเงิน อีกทั้งแบกรับการจ้างงานไม่ไหว รวมถึงไม่รู้ว่าการระบาดของโควิดจะยุติได้ช่วงใด ซึ่งมันทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระไปโดยไม่มีเป้าหมายว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายหรือทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติได้จริงจังช่วงใดแนวโน้มหากโควิดยังยืดเยื้อและการฉีดวัคซีนล่าช้าการปิดกิจการจะเพิ่มอีกมาก
แม้กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆจะสามารถกระตุ้นได้จริงแต่เป็นการกระตุ้นได้เพียงบางส่วนเท่านั้นยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบหนักขาดสภาพคล่องไม่สามารถประคองกิจการหรือธุรกิจของตัวเองให้ผ่านพ้นไปได้ จำเป็นต้องยอมแพ้และตัดใจเลิกกิจการเพราะไม่สามารถแบกภาระได้อีกต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news