คนละครึ่งเฟส3-กู้แจกไม่รู้จบ
คนละครึ่งเฟส3-กู้แจกไม่รู้จบ
ถูกอกถูกใจทั่วบ้านทั่วเมือง กับโปรแจกไม่อั้น เยียวยาทุกกลุ่มของรัฐบาลนายกฯลุงตู่อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น โครงการ “เราชนะ” โครงการ “คนละครึ่ง” ที่ใช้เงินจากพรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และล่าสุดกับ โครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” ที่เปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ซึ่งครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน รวมหน้าใหม่ และ หน้าเก่าที่เคยได้
กระทรวงการคลัง อธิบายว่า ผู้ที่เคยรับสิทธิ์โครงการของรัฐ อาทิ ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33เรารักกัน เราชนะ หรือที่เคยใช้บริการกระเป๋าตังสุขภาพ หรือ วอลเล็ต สบม. สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นการยืนยันเข้าร่วมโครงการ หรือจะลงทะเบียนผ่าน www. คนละครึ่ง .com ก็ได้ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการดังกล่าวข้างต้น
สามารถลงทะเบียนผ่าน www. คนละครึ่ง .com
สำหรับกฎกติกานั้น ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับสิทธิ์ภาครัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็น นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน ในแต่ละรอบรอบแรกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 และรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเม็ดเงินโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” ที่จะเกิดขึ้นในครั้งว่าจะมีเม็ดไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจมากถึง 186,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแม้ว่าโครงการคนละครึ่ง หลายฝ่ายจะโอเคในรูปแบบที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะที่โควิด-19 กำลังระบาด แต่ก็มีหลายฝ่ายแสดงความห่วงใยถึงการใช้เม็ดเงินของรัฐบาล เพราะนี่ คือการกู้มาแจก
โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ซึ่งท้วงติงมาตรการรัฐที่มุ่งแต่แจกเงิน โดยให้เหตุผลว่า การกู้เงินมาแจกนั้น ไม่ได้ทำให้เศรษฐิกิจเจริญเติบโตขึ้น แต่นี่ คือความเสี่ยงสำหรับประเทศไทย
ส่วนข้อการเรียกร้องของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันที่เสนอให้รัฐบาลควรพิจารณาเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่งจาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท นั้น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายสุชาติ” ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว
จากนี้ต่อไป จะต้องจับตาโครงการรัฐที่โยงใยกับเงินกู้อย่างใกล้ชิด เพราะยิ่งรัฐบาลใกล้ครบเทอมมากขึ้นเท่าไร การสร้างเรทติ้งผ่านนโยบายการแจกเงินในรูปแบบของการเยียวยา เพื่อหวังโกยคะแนนนิยมเลือกตั้งใหม่ ก็ย่อมมีความสนใจมากขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news