Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

7วันไม่ล็อกดาวน์”ป่วย-ตาย”พุ่ง รัฐต้องเปลี่ยน

7วัน ไม่ล็อกดาวน์ “ป่วย-ตาย”พุ่ง รัฐต้องเปลี่ยน

ครบ 7 วัน นายกรัฐมนตรี ประกาศไม่ใช้วิธีการล็อกดาวน์กทม.ตามที่สาธารณสุขเสนอเพื่อคุมการแพร่ระบาดแบบเจ็บเพื่อจบ แต่นายกฯ เลือกสายกลางเจ็บน้อย

ไม่อยากให้กระทบเศรษฐกิจโดยรวมจึงล็อกเชิงพื้นที่แทน ออกข้อกำหนดกันตอนตีหนึ่ง หลังแรงงานและนายจ้างบางส่วนโยกย้ายหลบหนีจากเมืองหลวงสู่ภูมิลำเนาของตัวเอง หลังได้รับสัญญาณ และมีคลัสเตอร์ใหม่ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง หลายจังหวัดที่เป็นสีเขียวมาก่อน กลับพบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนมาก จนอดคิดไม่ได้ว่ารัฐบาลตั้งใจ หรือผิดพลาดปล่อยแรงงานหลบหนี และนำมาซึ่งผู้ป่วยใหม่ที่มากขึ้นแทบทุกวัน ในขณะมาตรการฉีดวัคซีนก็เดินหน้าได้ช้ามากถึงมากที่สุดทั้งการฉีดและการจัดหา

 

 

จะเห็นได้ว่ามียอดผู้ติดเชื้อใหม่เมื่อวันที่ 27 เม.ย.เท่านั้นที่ต่ำสุดในรอบ 7 วัน ซึ่งเป็นวันก่อนประกาศใช้มาตรการล็อกพื้นที่ยกระดับเป็นสูงสุดและเข้มงวด 10 พื้นที่ กทม.ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ นั่นเอง แต่เมื่อประกาศใช้มาตรการที่เข้มข้น ในระดับหนึ่งที่ยังไม่สูงสุดเพื่อหวังประคองภาคเศรษฐกิจด้วยในจังหวะที่ต้องเน้นด้านสาธารณสุข แบบที่เรียกว่ายอมเจ็บแล้ว แต่เจ็บไม่หนักมาก และเป็นการเจ็บที่ไม่จบ จึงน่าสนใจว่าหลังจากนี้ จะเพิ่มมาตรการจนถึงขั้น ที่เรียกว่าเจ็บแล้วจบในครั้งเดียวด้วยการล็อกดาวน์พื้นที่ บางส่วนหรือทั้งประเทศหรือไม่ เพราะว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่ยังทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ผลเท่าที่ควร คือการฉีดวัคซีนที่ยังน้อยและช้าเกินไปนั่นเอง เพราะจาก 28 ก.พ.ที่เริ่มฉีดเข็มแรก จนถึงปัจจุบันนี้ ทำไปได้เพียง 10.59 ล้านโดส หรือ 1 ใน 10 ที่นายกรัฐมนตรีตั้งเป้าไว้ว่าจะฉีดให้กับประชาชนให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 นี้นั่นเองดังนั้นหากต้องการควบคุมการแพร่ระบาดในวงกว้างมากขึ้น รัฐบาลคงต้องเร่งทำคือต้องทบทวนปรับมาตรการใหม่ เพราะที่ใช้อยู่ มันไม่ได้ผลเท่าที่ควร เป็นการเจ็บที่ไม่จบ ส่วนอีกทางหนึ่งก็ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้ามากกว่านี้ หากยังไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เห็นผลชัดเจนกว่านี้ ระบบสาธารณสุขที่กำลังจะรับมือไม่ไหวแล้ว การสู้กับโควิด-19 ก็คงจะพังไปด้วย และเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามประคองอุ้มอยู่ก็ยากที่จะฟื้นได้ ปัญหาอื่นๆ ก็จะตามมาอีกโดยเฉพาะการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญกระแสต่อต้านมากยิ่งขึ้นในขณะนี้

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube