ฉีด100ล้านโดสปีนี้…ซื้อเพิ่ม120ล้านปีหน้า
นับตั้งแต่ประเทศไทยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลอตแรกเป็นซิโนแวค เมื่อเดือน ก.พ. และเริ่มฉีกเข็มแรกในเดือนนั้น กระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฉีดเข็มแรกของแอสตราเซเนกาในเดือนถัดมา ก็ประกาศเป้าหมายอย่างชัดเจนในทันที จะฉีดวัคซีนให้คนไทย 100 ล้านโดสในปีนี้ และทยอยฉีดกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 4 ล้านโดสในช่วงแรก ก่อนกำหนดวันเริ่มปูพรมฉีดทั่วประเทศ 7 มิ.ย. พร้อมให้ความหวังเปิดประเทศพลิกฟื้นเศรษฐกิจใน 120 วัน แต่จากสถานการณ์แพร่ระบาดที่กำลังหนักหน่วงในช่วงนี้ ผู้ติดเชื้อกระจายทั่วทั้ง 77 จังหวัด และการฉีดวัคซีนไม่เป็นไปตามเป้า ด้วยหลายปัจจัยที่รัฐบาล และ ศบค.คุมได้และคุมไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน จนทำให้เป้าหมายของผู้นำประเทศ อาจเป็นไปไม่ได้แล้ว หลังเริ่มปูพรมมาได้แค่เดือนเศษ เพราะหากต้องการไปให้สุดทางได้ตามที่หวังไว้ต้องฉีดให้ได้มากกว่านี้ แต่ตัวเลขเป็นทางการ ณ วันที่ 15 ก.ค.ฉีดไปได้เพียง 13.5 ล้านโดสเท่านั้น และกับเวลาที่เหลืออีก 5 เดือนครึ่ง ที่จะต้องฉีดอีก 86.5 ล้านโดสนั้นจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็คงต้องติดตามและใหกำลังใจกันเท่านั้น เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากให้การฉีดวัคซีนประสบความสำเร็จ
จากตัวเลขที่ออกมา จากการแพร่ระบาดที่มากขึ้น และจากดราม่าวัคซีนในหลายๆ ประเด็น ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการบิ้วอารมณ์จน โมเดอร์นากลายเป็นวัคซีนเทพ มีการทวงถามว่าเมื่อไหร่จะเข้ามา หรือการฉีดไว้สลับยี่ห้อที่ลือลั่นดังไกลไปทั่วโลก หรือแม้แต่การเลื่อนฉีดวัคซีนในบางพื้นที่เพราะความล่าช้าในการกระจายและความขาดแคลน ล้วนเป็นคำตอบที่จะทำให้เห็นว่าการฉีด 100 ล้านภายในปีนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ในทางกลับกัน รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติก็มองการณ์ไกล เห็นชอบให้จัดหาวัคซีนปี 2565 อีก 120 ล้านโดสไปแล้ว ในหลากหลายรูปแบบ ทั้ง mRNA ,ไวรัลเวคเตอร์ ,โปรตีนซับยูนิต เพื่อเหมาะสมกับสถานการณ์ระบาดความต้องการวัคซีน และ ตอบสนองต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสในอนาคต พร้อมให้กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เร่งจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสของปีนี้ ให้ได้ตามเป้าหมายด้วย หลังมีการทำสัญญาจองไปแล้ว 105 ล้านโดสของปี 64 ที่แบ่งเป็น แอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส, ซิโนแวค 19.5 ล้านโดส, ไฟเซอร์ 20 ล้านโดสและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news