“วิระชัย”คัมแบ็ค ลั่นไม่เคยโกรธใคร
กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาอีกครั้งในแวดวงบิ๊กสีกากี หลังศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ที่สั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งผลของคำสั่งศาลปกครองกลางทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร.ได้ตามเดิมนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น ออกคำสั่งสำรองราชการ และมีประกาศสำนักนายกมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เมื่อเดือน ส.ค.ปี 63
พล.ต.อ.วิระชัย ถือฤกษ์เวลา 09.45 น. ของวันที่ 16 ก.ค.นั่งรถประจำตำแหน่งสวมเครื่องแบบชุดสีกาดีเต็มยศ เดินทางเข้ามายังสำนักตำรวจแห่งชาติ และได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนจะลงบันทึกประจำวัน เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รองผบ.ตร.ตามเดิม
โดย พล.ต.อ.วิระชัย เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาทำหน้าที่ รอง ผบ.ตร.อีกครั้ง หลังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรับใช้ประชาชนมานานกว่า 1ปี พร้อมได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด ส่วนจะมีการฟ้องกลับอดีตผู้บังคับบัญชาหรือไม่ระบุว่า อย่างอื่นยังไม่คิดและไม่เคยโกรธใคร
อย่างไรก็ตามแม้ว่า พล.ต.อ.วิระชัย จะไม่เคยโกรธแค้นใคร แต่ที่ผ่านมามีความพยายามต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาตลอดและยืนยันว่าคำสั่งสำรองราชการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะที่เป็น ผบ.ตร. มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง เพราะการสำรองราชการนี้ ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่หากปล่อยให้ล่าช้าไป จะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ หรือสิทธิของบุคคลโดยไม่มีทางแก้ไข อีกทั้ง คำสั่งดังกล่าว ไม่อยู่ในข้อยกเว้นตาม พ.ร บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯจึงเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าว น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ตนพ้นจากตำแหน่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
สำหรับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา หรือ “บิ๊กต้อย” นายตำรวจชื่อดัง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 37 เก้าขึ้นสู่ตำแหน่ง รองผบ.ตร.มีผลงานสำคัญและเป็นคดีดังที่หลายคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการบุกทลายเครือข่าย “เมจิกสกิน” เริ่มจากการจับเจ้าของธุรกิจ ค้นโรงงานผลิต จนกระทั่งออกหมายเรียกศิลปินดารา ที่รับรีวิวสินค้าเครือดังกล่าว ก่อนจะถูกสั่งสำรองราชการ ได้รับการคาดหมายว่ามีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป เพราะเป็น รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 มีอายุราชการถึงปี 2565 แต่ต้องตกจากไลน์แคนดิเดตว่าที่ “ผบ.ตร.” เบอร์ 1 ขององค์กรตำรวจ เพราะถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณี ถูกกล่าวหาดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่างตนเองกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ต้นปี 2563 จากกรณี คนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก จนกระทั่งต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีจนศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองในที่สุด
แต่เส้นทางในวงการสีกาดีหลังจากนี้ของ พล.ต.อ.วิระชัย อาจไม่สวยงามมากนักกับเวลาที่เหลือเพียง 10 กว่าเดือน เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังตีมึนไม่มีแนวทางหรือข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับเก้าอี้ รองผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.วิระชัย ที่ปัจจุปันมีรองผบ.ตร.ครบทุกตำแหน่งแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news