โควิดทะลักภูธร เร่งเพิ่มรพ.สนาม
จากสถานการณ์ โควิด-19 ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลส่งผลให้ประชาชนทยอยกลับบ้านเกิดเพื่อกลับไปรักษาดังนั้นทำให้ทุกจังหวัดเร่งสร้าง โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการจนไปถึงอาการน้อยและอาการรุนแรง เพราะล่าสุดแต่ละพื้นที่เตียงในโรงพยาบาลต่างๆนั้นเริ่มจะขาดแล้ว
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ได้สัมภาษณ์นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราได้ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19ว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจากหลายจังหวัดได้เข้ามาติดต่อขอเข้ารับการรักษาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากยังคงมีเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยได้เปิดโรงพยาบาลสนามทั้งหมด4แห่ง รวมไปถึงมีศูนย์พักคอยครบทั้ง11อำเภอ
ปัจจุบันเตียงในห้อง ICU ที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้ที่มีอาการรุนแรงที่อยู่ในกลุ่มสีแดงนั้นเหลือเพียง10%เท่านั้น เบื้องต้นมีผู้ที่กำลังรักษาอยู่ประมาณ3,800คน และเสียชีวิตสะสมแล้วกว่า40คน พร้อมกันนั้นได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว100,000คน จากจำนวนประชากรทั้งหมด700,000คน โดยฉะเชิงเทรายังเป็น1ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ในแต่ละวันตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องกำชับประชาชนหมั่นดูแลตนเองและปฏิบัติตามประกาศของศบค.ทั้งหมด โดยทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกอย่างต่อเนื่องด้วย
นอกจากนี้ ทางสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ยังได้สัมภาษณ์นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ บอกถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าล่าสุดมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทยอยกลับมารักษาที่ภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางจังหวัดจึงเร่งขยายโรงพยาบาลสนามแห่งที่4ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเพิ่มเติมประกอบกับมีโรงพยาบาลสนามทุกอำเภอเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
ซึ่งขณะนี้จังหวัดนครสวรรค์ยังคงมีเตียงเพียงพอสำหรับผู้ป่วย ซึ่งหากเข้ามาในพื้นที่แล้วทางเจ้าหน้าที่จะสามารถจัดหาเตียงให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ประมาณ900คน และเสียชีวิตแล้วกว่า 30 คน เบื้องต้นฉีดวัคซีนไปแล้วไม่ถึง10% จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 1,000,000 คน เนื่องจากทางจังหวัดได้รับจัดสรรวัคซีนมาค่อนข้างน้อย
ดังนั้นการที่ทุกพื้นที่เร่งสร้างโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยให้ได้มากที่สุดนั้นเพิ่มเติมนั้น สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์โควิด-19 นั้น เข้าขั้นวิกฤตหนักมากแล้วหากสังเกตหลายจังหวัดที่ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นสูงทำให้เตียงไม่เพียงพออีกทั้งผู้ที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิตก็มีมากเหลือเกิน
และที่น่าเศร้าใจที่สุดคือมีผู้ป่วยโควิด-19 นอนตายข้างถนนแน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ใครหลายคนตั้งคำถามว่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
พร้อมกันนั้น แม้ว่าขณะนี้จะมีคำสั่งให้ประกาศล็อกดาวน์เคอร์ฟิวงดประชาชนออกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 น. -04.00 น. ประกอบกับตั้งด่านสกัดคนเข้าออกทั้ง 13 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดแล้วก็ตาม แต่ดูทีท่าว่าสถานการณ์จะได้ดีขึ้นเท่าที่ควรเพราะยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวันทะลุ 10,000 ไปแล้ว อีกทั้งยังมีประกาศออกมาว่าให้ประเทศไทยฉีดวัคซีนแบบไขว้คือเข็มแรกเป็นซิโนแวคส่วนเข็มที่สองเป็นแอสตราเซเนกาจนล่าสุดที่จังหวัดประจวบมีอาจารย์เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนแบบไขว้แล้ว จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่าสรุปแล้วการฉีดแบบสลับโดสนั้นมีผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดนั้นคือไม่ใช่การล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิว แต่ควรจะเที่ร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้เร็วที่สุดแม้ว่าล่าสุดการฉีดวัคซีนแบบไขว้ทำให้มีคนเสียชีวิตแล้วคงต้องจับตาดูว่ารัฐจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้อย่างไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
