เอกชนรุมทวงวัคซีนรัฐทางรอดไทย
จากตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องเวลานี้ ส่งผลทำให้ความต้องการในการฉีดวัคซีนของประชาชนมีความต้องการสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ปัญหาใหญ่กลับอยู่ที่จำนวนวัคซีนที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ จนเป็นที่มาของการทวงสัญญาวัคซีนจากรัฐบาล ผ่านหลากหลายช่องทาง
ส่วนหนึ่ง คือ ภาคเอกชนที่เคยเป็นเด็กดีสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพื่อให้ผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน อำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางช่วยกระจายวัคซีนให้ถึงประชนมากที่สุด เปิดจุดฉีดวัคซีนในหลายพื้นที่เพื่อลดความแออัดของประชาชน แต่จนถึงตอนนี้หลายจุดกลับไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอกับความสามารถในการฉีดแต่ละวัน บางจุดความสามารถหลักหมื่นได้รับวัคซีนแค่หลักร้อย หรือบางจุดต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ปฏิบัติการทวงสัญญาวัคซีนจึงเกิดขึ้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า เวลานี้ประเทศไทยกำลังเจอวิกฤตวัคซีน เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดสได้ตามสัญญาที่ประกาศไว้ ตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม ทำให้เวลานี้การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศถือว่าล่าช้า ในขณะที่แรงงานภาคอุตสาหกรรมได้รับวัคซีนแล้วไม่ถึงร้อยละ 10 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ส่งผลต่อการป้องกันการติดเชื้อของแรงงานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมการรับวัคซีนของประชาชนทำให้ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ โดยมองว่าเป้าหมาย 120 วันเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรียังอีกห่างไกล และไม่เข้าใจว่าวัคซีนที่รัฐบาลเคยบอกสามารถนำเข้าได้ตามแผน หายไปอยู่ในส่วนใดบ้าง ทำให้แผนในการฉีดวัคซีนแต่ละวันน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ และยังมีการเลื่อนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนบางกลุ่มแบบไม่มีกำหนด ซึ่งมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลเป็นอย่างมาก
ไม่ต่างจากนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลล่าช้าเกินไป ทั้งที่ภาคเอกชนได้ย้ำชัดหากรัฐบาลต้องการเปิดประเทศ ต้องคุมสถานการณ์การติดเชื้อของประชาชนให้ได้ และคำตอบเดียวที่จะทำให้ประสบความสำเร็จนั่นคือการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนตามแผน ซึ่งเวลานี้รัฐบาลต้องยอมรับว่าวัคซีนล่าช้า ทำให้การระบาดยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กระทบความสามารถทางสาธารณสุขในหลายพื้นที่ การปรับแผนจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพแบบเร่งด่วนต้องเกิดขึ้น
และที่สำคัญภาครัฐต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนไปถึงประชาชน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ประชาชนหมดศรัทธากับรัฐบาล เป้าหมายการเปิดประเทศหากยังคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ก็ไม่ควรทำ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย เม็ดเงินงบประมาณเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจกระตุ้นกำลังซื้อของภาคประชาชน อนุมัติเพื่อให้เกิดการใช้จ่าย แต่หลายพื้นที่กำลังถูกล็อกดาวน์ ทุกอย่างกำลังสวนทางกัน การส่งออกที่เริ่มขยายตัว หลังจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19 แล้ว จะต้องหยุดชะงักอีกหรือไม่ เพราะเวลานี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลายส่วน แรงงานติดโควิด-19 จนต้องปิดไลน์การผลิต สินค้าที่ส่งออกได้กำลังจะมีปัญหา การหยุดเชื้อในส่วนของอุตสาหกรรมจึงจำเป็นเร่งด่วน หากไม่ต้องการให้เครื่องจักรเดียวในการพยุงเศรษฐกิจของประเทศต้องดับลงอีกครั้ง
ตามทวงตามจี้ให้เปิดสัญญา บางส่วนทำได้บางส่วนทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า ประชาชนจะไม่ปล่อยผ่านยอมรับชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่ออีกต่อไป ปิดหูปิดตาปิดปากประชาชน รัฐบาลต้องรู้ไม่ใช่เรื่องง่าย และการแก้ไขให้ดีขึ้นต้องทำต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
