วัคซีนVIPร้อน 7ส.ค.แรง แสลงใจท่านผู้นำ
สถานการณ์โควิด-19 ในไทยยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบสาธารณสุข ตึง ขึง เครียด ภาวะเตียงเต็ม ผู้ป่วยล้น โรงพยาบาลสนามผุดเป็นดอกเห็ด พลเมืองชั้นสองของประเทศล้มตายปลิดปลิวเหมือนใบไม้ร่วงกลางถนนรายวัน มาตรการรัฐคุมเข้มอย่างร้านอาหารในห้างก็พยายามทำให้สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน จนถูกวิพากษ์กันสนุกสนาน
ส่วน วัคซีน ที่เป็นทางรอดก็ยังคงไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่อยากฉีดจำนวนมากที่พยายามทุกช่องทางในการเข้าถึงวัคซีน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เท่านั้นยังมีดราม่าอย่างเรื่องVIP ดอดฉีดเข็มสาม ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ และอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยอย่างเด่นชัดที่สุด
โดยเริ่มจากตำรวจบุรีรัมย์ โรงพักหนึ่ง ได้ฉีด “แอสตราเซเนกา” เข็ม 3 ต่อมาทั้งบิ๊กตำรวจต้นสังกัด และสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ก็ออกมาชี้แจงว่าได้มีการจัดเตรียมวัคซีนเข็ม3 ไว้ให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ให้บริการด่านหน้าอยู่แล้ว จากบุรีรัมย์ก็มาถึงที่พิษณุโลก ที่มี บุคคล VIPได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ท่ามกลางประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้รับฉีดเข็มแรกกันเลย ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องไปขอฉีดวัคซีนเข็ม 3 เนื่องจากตนเองทำงานด่านหน้ามาโดยตลอด นำสิ่งของต่างๆ จากการบริจาคมามอบให้กับจุดคัดกรอง หรือโรงพยาบาลสนามมาโดยตลอด และไม่เคยไปบีบบังคับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
จากนั้น มาโผล่ที่หนองบัวลำภูอีกกรณี คือมีกระแสข่าวว่าหญิง 1 ชาย 2 เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่ 3 หลังจากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวได้โพสเฟซบุ๊ก ว่า เป็นภาพเก่า ซึ่งเป็นการฉีดเข็มที่ 2 ไม่ใช่เข็มที่ 3 โดย นาย เกรียงไกร ไทยอ่อน นักเคลื่อนไหวชื่อดังได้ไปร้อง ปปช.จังหวัดหนองบัวลำภู และแจ้งความดำเนินคดี กับหญิงคนดังกล่าวที่โพสเอกสารการฉีดวัคซีน นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ในขณะที่บริบทภาพรวมของการบริหารจัดการปัญหาเรื่องโควิดในบ้านเราถูกคนส่วนหนึ่งมองว่าเป็นความผิดพลาด และเมื่อรวมกับการบริหารราชการประเทศด้านอื่นๆก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดการรวมตัวชุมนุมกันมาหลายครั้งหลายหน โดยครั้งล่าสุดปักหมุดไว้วันที่ 7 สิงหาคม นี้ ซึ่งมีนัยยะสำคัญ ของวันสัญลักษณ์ร่วมอยู่ด้วย เพื่อดึง ปลุก ชวน ควักมือเรียกมวลชนให้ออกมาให้มากที่สุด
ซึ่งในวันที่ 7 ส.ค.นี้ หน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อปี 2508 ถูกเรียกขานว่า “วันเสียงปืนแตก” เป็นวันปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับ มวลชนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นครั้งแรก เป็นการเปิดสงครามสู้รบกับรัฐบาล โดยวางเป้าหมายล้มกระดาน “นายทุน ขุนศึก ศักดินา” ซึ่งต่อมาปี 2563 กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ร่วมจัดตั้งองค์กรต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในนาม “คณะประชาชนปลดแอก” เมื่อวันที่ 7 ส.ค.เช่นกัน
ซึ่งในครั้งนี้หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ อย่างไร เพราะคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนเหล่านี้ก็แสดงเจตจำนงจะออกมาบนถนนเช่นกัน และขนาดเสื้อแดงตัวพ่ออย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ แสดงความห่วงใยต่อเป้าหมายของกลุ่มเยาวชนที่มีกิจกรรมในวันดังกล่าว พร้อมปฎิเสธการไปร่วมในม็อบครั้งนี้
ฉะนั้นแล้วใน ห้วงยามนี้ จึงอยู่ในภาวะที่ โควิดร้อน ม็อบแรง แสลงใจท่านผู้นำ เป็นอย่างยิ่งที่ต้องบริหารอำนาจและจัดการกับปัญหาที่มีเสถียรภาพและศรัทธาของรัฐบาลเป็นเดิมพัน!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news