ม็อบเดือด VS ตำรวจดุ
ม็อบเดือด VS ตำรวจดุ
ผบช.น. แถลงสรุปม็อบ 11 ส.ค. จับกุมผู้ต้องหาได้ 17 คน ตำรวจบาดเจ็บ 11 นาย
พลตำรวจโท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ว่า ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 17 ราย แบ่งเป็นชาย 15 ราย หญิง 2 รายโดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
โดยการจับกุมครั้งนี้แบ่งผู้ต้องหาออกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจับกุมได้ทั้งหมด 8 ราย ที่บริเวณถนนราชเทวี วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. และกลุ่มที่ 2 ถูกจับกุม 5 ราย ที่บริเวณเดียวกัน ในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. รวมผู้ต้องหา 13 ราย ถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม มากกว่า 5 คนขึ้นไป ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด และร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน โดยมีหรือใช้อาวุธตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญหรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้มั่วสุมเลิกไปแต่ไม่เลิก
ต่อมากลุ่มที่ 3 จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ที่บริเวณกรมการแพทย์ทหารบกถนนพญาไท ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. และกลุ่มที่ 4 จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ที่บริเวณแยกดินแดง ช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนพรก. ฉุกเฉินออกนอกเคหสถาน ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว โดยไม่มีเหตุจำเป็น
ทั้งนี้ ในการชุมนุม ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 11 นาย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 7 นาย กลับบ้านและนัดมาทำแผลติดตามอาการ 4 นาย และรถยนต์ราชการได้รับความเสียหาย 8 คัน ป้อมจราจร ถูกทำลายได้รับความเสียหายจำนวน 12 ป้อม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ชุมนุมรายอื่นๆที่ได้กระทำความผิดชุมนุมมั่วสุมโดยมีการใช้กำลังประทุษร้าย เผาทำลายทรัพย์สินทางราชการหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณา ดำเนินคดีในฐานความผิด ที่เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคลต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
