เชื้อโควิด-19 ยังคงระบาดหนักอย่างต่อเนื่องแต่ในระยะช่วงหลังที่ผ่านมาทางหลายภาคส่วนก็คาดการณ์ว่าตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อในรายวันจะลดลง
ซึ่งการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันดูตนเอง ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัดก็ยังคงเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากบุคคลส่วนใหญ่นั้นประกอบอาชีพที่หลากหลายคงทำได้เพียงสุ่มตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดต่อไป
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ได้สัมภาษณ์นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าในเดือนกันยายน 2564 มีแนวโน้มเป็นไปได้ที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดจะลดลงเนื่องจากการบังคับใช้มาตรการก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญเนื่องจากปัจจัยการแพร่ระบาดส่วนใหญ่นั้นมากจากพฤติกรรมของบุคคลในการเสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ประกอบกับการเดินทางข้ามจังหวัดไปประกอบอาชีพต่างๆ ที่ทำให้เชื้อแพร่เข้าไปในชุมชนหรือครอบครัวมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันจะสังเกตเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดในต่างจังหวัดจะค่อนข้างพุ่งสูงกว่าในแถบกรุงเทพฯ ปริมณฑลแล้ว เพราะผู้ป่วยจำนวนมากทยอยกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาตนเอง เนื่องจากเตียงในโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามไม่เพียงพออีกทั้งปัจจุบันผู้ป่วยที่มีอาการหนักก็ยังคงมีจำนวนสะสมที่ยังมากอยู่ดังนั้นจึงส่งผลให้ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่มากกว่าเดิมอันเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
พร้อมกันนั้นที่ผ่านมายังเกิดคลัสเตอร์โรงงานกระจายในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากโรงงานใดพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าร้อยละ 10 ของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดนั้นไม่ควรปิดบังเด็ดขาด ให้ใช้มาตรการหลักที่ 4 คือ มาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สั่งการและให้คำแนะนำ หลังจากนั้นให้พิจารณาปิดพื้นที่หรือสถานที่และทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นผิวทันที โดยจัดการแบบ Bubble and Seal เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่อาจเล็ดลอดคงเหลืออยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้มาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะยังต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการD-M-H-T-Tด้วย
นอกจากนี้ทางสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ยังได้สัมภาษณ์นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ให้ความเห็นว่าขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันอยู่ที่ประมาณ 100 รายโดยสัปดาห์หน้าคาดว่าตัวเลขจะมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากเมื่อทราบว่าบุคคลใดติดเชื้อแล้วหรือเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีการสั่งให้กักตัวเอง สังเกตอาการทันที ส่งผลให้สกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไม่ให้กระจายในพื้นที่ได้มากขึ้น ประกอบกับชุดตรวจ ATK นั้นประชาชนหาซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งภาพรวมแล้วสามารถตรวจคัดกรองได้ประมาณวันละ 200-300 ราย ส่วนการตรวจเชิงรุกทางจังหวัดก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 100%
เบื้องต้นมีผู้ที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 1,000 ราย และเสียชีวิตสะสมกว่า 30 ราย ขณะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายไปแล้ว 64% จากประชากรทั้งหมดกว่า 100,000 ราย และล่าสุดจำนวนเตียงในโรงพยาบาลสนามยังคงมีเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยอีกด้วย และระนองได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนงดออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. เพื่อจำกัดพฤติกรรมของคนที่ชอบดื่ม เที่ยวเป็นต้น
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของคนยังคงเป็นปัจจัยหลักในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดแต่เมื่อมีการสั่งปิดสถานที่และงดประชาชนออกจากบ้านซึ่งทางภาครัฐได้ระดมการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น และทุกจังหวัดก็มีศักยภาพที่ดำเนินการฉีดให้ครอบคลุมประชากรมากขึ้น ดังนั้นในเดือนกันยายนนี้จึงมีความเป็นไปได้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิดจะไต่ระดับลดลงมาได้เช่นเดียวกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news