นายกฯอยู่ต่อปรับครม.รอเลือกตั้งใหม่
แม้รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐในช่วงซักฟอก สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มก้อนการเมืองในพรรคยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แม้การลงมติจะไม่มีใครแตกแถว แต่ก็รับรู้กันอยู่แล้วว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค คือมือประสานพรรคเล็กด้วยและการปล่อยให้บรรดาพรรคเล็กไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ย่อมมีเหตุ และผลที่สอดรับกันอยู่แล้ว ข่าวลือต่างๆ ในห้วง 4 วันซักฟอก ล้วนเป็นจริงเก้าอี้ของ “สุชาติ” คือสิ่งที่แกนนำคลื่นใต้น้ำต้องการ ผลบ๊วยจึงไปตกอยู่กับ “สุชาติ” ส่วนนายกฯคือการแสดงให้เห็นว่าคลื่นใต้น้ำมีพลังแค่ไหน
หลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันอีกครั้ง เพราะอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาจากผลโหวตคือความเป็นปึกแผ่นของพรรคหลักร่วมรัฐบาลส่วนจะปรับ ครม.แบ่งเค้ก เกลี่ยผลประโยชน์กันใหม่หรือไม่นั้น ล้วนเป็นอำนาจของนายกฯ ใครเคยอาศัยซักฟอกกดดัน “บิ๊กตู่” เอาไว้บ้าง ก็คงถึงเวลาหนาวๆร้อนๆ เพราะอาจโดนเอาคืน แต่จะเอาคืนแค่เบาๆ ติดเกรงใจพี่ใหญ่ หรือจะหนักมือไปเลย ในไม่ช้าก็คงได้เห็น
แต่การปรับ ครม.ที่อาจจะเกิดขึ้นอาจไม่ใช่เพราะปัญหาทางการเมืองในพรรค หรือผลของการโหวตเพียงอย่างเดียวเป็นองค์ประกอบหลัก แต่คงต้องมองมิติการเมืองเป็นสำคัญ เพราะเวลาของรัฐบาลค่อยๆ เหลือน้อยลง ต้องนับถอยหลังที่จะกลับสู่การเลือกตั้งอีกครั้งแล้วนั่นเอง ดังนั้นการจะปรับเปลี่ยนอะไร ก็คงต้องเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกใหญ่ในครั้งต่อไปด้วยนั่นเอง
ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่ 3 และเป็นหลักฐานชั้นดีว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีความเป็นประชาธิปไตย รับฟังเสียงคนเห็นต่าง เสียงคนส่วนน้อย ผ่านสภาผู้ทรงเกียรติ มีการชี้แจงตอบโต้ด้วยหลักฐาน หลักการและอารมณ์ได้อย่างครบถ้วน ตลอด 4 วันของการอภิปราย และท้ายที่สุดผลของการลงมติ ก็เป็นอย่างที่เห็น ส.ส.ส่วนใหญ่ ยังคงสนับสนุน ยังคงเชื่อใจไว้วางใจ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดิน แก้ปัญหาโควิด-19 ต่อไปแม้บางเรื่อง บางประเด็น จะยังไม่เคลียร์ แต่เมื่อเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ก็ควรให้โอกาส และต้องร่วมมือกับมาตรการต่างๆ เพื่อนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตี ปลุกม็อบมาลงถนนเป็นตัวถ่วงของรัฐบาล สร้างปัญหา สร้างภาระเพิ่มเติมอีก เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะรักษาระบบ รักษาระบอบ รักษาสภาเอาไว้ได้
แม้รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐในช่วงซักฟอก สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มก้อนการเมืองในพรรคยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แม้การลงมติจะไม่มีใครแตกแถว แต่ก็รับรู้กันอยู่แล้วว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค คือมือประสานพรรคเล็กด้วยและการปล่อยให้บรรดาพรรคเล็กไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ย่อมมีเหตุ และผลที่สอดรับกันอยู่แล้ว ข่าวลือต่างๆ ในห้วง 4 วันซักฟอก ล้วนเป็นจริงเก้าอี้ของ “สุชาติ” คือสิ่งที่แกนนำคลื่นใต้น้ำต้องการ ผลบ๊วยจึงไปตกอยู่กับ “สุชาติ” ส่วนนายกฯคือการแสดงให้เห็นว่าคลื่นใต้น้ำมีพลังแค่ไหนหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันอีกครั้ง เพราะอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาจากผลโหวตคือความเป็นปึกแผ่นของพรรคหลักร่วมรัฐบาล
ส่วนจะปรับ ครม.แบ่งเค้ก เกลี่ยผลประโยชน์กันใหม่หรือไม่นั้น ล้วนเป็นอำนาจของนายกฯ ใครเคยอาศัยซักฟอกกดดัน “บิ๊กตู่” เอาไว้บ้าง ก็คงถึงเวลาหนาวๆร้อนๆ เพราะอาจโดนเอาคืน แต่จะเอาคืนแค่เบาๆ ติดเกรงใจพี่ใหญ่ หรือจะหนักมือไปเลย ในไม่ช้าก็คงได้เห็น แต่การปรับ ครม.ที่อาจจะเกิดขึ้นอาจไม่ใช่เพราะปัญหาทางการเมืองในพรรค หรือผลของการโหวตเพียงอย่างเดียวเป็นองค์ประกอบหลัก แต่คงต้องมองมิติการเมืองเป็นสำคัญ เพราะเวลาของรัฐบาลค่อยๆ เหลือน้อยลง
ต้องนับถอยหลังที่จะกลับสู่การเลือกตั้งอีกครั้งแล้วนั่นเอง ดังนั้นการจะปรับเปลี่ยนอะไร ก็คงต้องเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกใหญ่ในครั้งต่อไปด้วยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news