ธุรกิจยุลุงเปิดกรุงดึงฝรั่งเที่ยวต.ค.
ยังคงถูกจับตาอย่างใกล้ชิด กับโรดแมฟเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพมหานคร ที่ ณ วันนี้ ภาคธุรกิจกำลังโหยหา เม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อนำมาต่อลมหายใจให้กับธุรกิจ โดยมีปากท้องของนายจ้าง และลูกจ้างเป็นเดิมพัน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯท่องเที่ยวและกีฬา “นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ” ได้แถลงภายหลังการหารือร่วมกับ “พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย. ยืนยันว่า จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่กรุงเทพฯในช่วงกลางเดือนตุลาคม ล่าช้าจากแผนเดิม 1 ตุลาคม เพราะต้องการให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เกิน 70%ก่อนแต่หลังจากนั้นไม่นาน ช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ย. ผู้ว่า อัศวิน กล่าวว่า ไม่เคยพูดจะเปิดเมืองกรุงเทพฯ เพราะการจะเปิดเมืองต้องคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ ดังนั้น เพื่อความสบายใจของประชาชนและความปลอดภัย ยืนยันว่า ต้องการให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้ครบ 70% หรือเกิน 70% ขึ้นไปก่อน และต้องรอให้ภูมิขึ้นจากการฉีดวัคซีน ค่อยมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการเปิดเมืองอีกครั้ง โดยจะเป็นผู้กำหนดเอง
ในมุมมองผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว คิดเห็นอย่างไรกับการเปิดเมืองกทม.รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่า 15 ตุลาคมนี้ กรุงเทพมหานครจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ นั่นเพราะปัจจุบันประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 แล้วกว่า 90% และเข็มที่ 2 อีก 40% ซึ่งการที่จะเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 นั้น ควรที่จะมุ่งไปในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯมากที่สุด “โดสแรกประมาณ 90% แล้ว โดสสองประมาณ 30-40% ผมคิดว่าเราปิดประเทศมานานแล้ว เศรษฐกิจมันไม่ได้ไปไหนเลย ทุกคนล้มหายตายจากเยอะมาก ทีนี้ผมคิดว่าสมควรที่จะต้องเปิดได้แล้ว แล้วหาวิธีบริหารจัดการในเรื่องของการแพร่ระบาด กับการท่องเที่ยวและวันนี้คุณเปิดประเทศ ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาเลย ก็ทยอยเข้ามาทีละน้อยๆ เหมือนภูเก็ตแซนด์บอกซ์เปิดมาปุ๊บ สองเดือนกว่ามีนักท่องเที่ยวแค่ 3 หมื่นกว่าคน สมัยก่อน 3 หมื่นคนคือต่อวันนะ เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ลองผิดลองถูกไปบ้างไม่เป็นไร บริหารจัดการเรื่องสาธารณสุข บริหารจัดการเรื่องเศรษฐกิจ ต้องบาลานซ์ไปและผมคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น”
นอกจากนี้ นายสง่า กล่าวอีกว่า หากเป็นไปตามที่รัฐบาลวางเป้าหมายไว้ ก็เชื่อว่า 3 เดือนสุดท้ายของปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยกเว้นจีนที่ยังปิดประเทศ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครประมาณ 2 ล้านคน ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีก 4 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ประเด็นการเปิดเมือง มีความเห็นทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า เกินครึ่งอยากให้เปิดประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเดินได้
“ผมเชื่อว่า มากกว่าครึ่งอยากให้เปิดประเทศได้แล้ว ส่วนที่ยังไม่พร้อม ก็โอเคเขาอาจจะกังวลเรื่องการแพร่ระบาด ซึ่งจริงๆการแพร่ระบาด วันนี้คุณไม่มีนักท่องเที่ยวมันก็แพร่ระบาดอยู่แล้ว ไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่เอาเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทย วันนี้มันเป็นประเทศไทยเองเนี่ยแหละตัวเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ่อนสมัยก่อนเป็นการเปิดอะไร คือวันนี้คุณยังไม่ต้องเปิดคลับ คุณเปิดแค่ให้ร้านอาหารนั่งได้ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แล้วคุณก็มีเคอร์ฟิว ในการครอบ ผมเชื่อว่าพวกนี้คุมได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนบริหารเรื่องเตียงวันนี้ ก็น้อยลงแล้ว คนก็กลับบ้านมากขึ้น เตียงก็ว่างแล้ว บริหารจัดการควบคู่กันไป”
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 ให้กับประชาชนชาวกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิด เพราะนี่ คือสิ่งที่จะฟันธงว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่กทม.จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีความเชื่อมั่นของประชาชน โดยมีเศรษฐกิจปากท้องของธุรกิจเป็นเดิมพันนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news