ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดที่ 6 ประจำวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 คู่ที่น่าสนใจที่เราเลือกมาวิเคราะห์วันนี้ เป็นบิ๊กแมตซ์ ระหว่าง เชลซี ทีมอันดับ 1 เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 ซึ่งคู่นี้จะแข่งขันใน เวลา 18.30 น.
สถิติการพบกันทั้งหมด 149 ครั้ง เชลซี ชนะ59 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ51ครั้ง เสมอกัน39 ครั้ง
ผลงานล่าสุดของ เชลซี ยังไม่แพ้ใครโดย ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 11 ประตูและเสีย เพียง 2 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด ส่วน แมนซิตี้ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมยังไม่แพ้ใครโดย ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ ถึง 23 ประตูและเสีย 4 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด
สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม
เชลซี ของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล เพิ่งจะเปิดรังเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ใน ศึก ลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความพร้อมของทีมวันนี้ ไม่มีรายงานตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเพิ่มเติม นอกจาก คริสเตียน พูลิซิช กับ เอดูอาร์ เมนดี้ สองแข้งที่ต้องรอเช็คฟิตอีกครั้งว่าจะพร้อมในเกมวันนี้หรือไม่ เกมนี้ คาดว่า ทูเคิ่ล เตรียมวางหมาก ใช้กองหลังมาสามราย อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ธิอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ส่วนแนวรุกก็มี มาเตโอ โควาซิช ทำเกมกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ และหน้าเป้าลงยิงเป็น โรเมลู ลูกากู
ฟาก แมนฯซิตี้ ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่งจะเปิดรังถล่ม วีคอมบ์ 6-1 ในศึก ลีก คัพ ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความพร้อมของทีมก่อนฟาดแข้ง ไม่มีรายงานตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามาเพิ่มเติม นอกเสียจาก เบนจามิน เมนดี้ ที่ทางสโมสรสั่งพักงาน คาดว่า เป๊ป เตรียมวางหมาก โดยมี นายทวาร เอแดร์ซอน เฝ้าเสา , รูเบน ดิอาส ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นาธาน อาเก้ กลางมี เควิน เดอ บรอยน์ ทำเกมและแนวรุกจัดเต็ม กาเบรียล เชซุส, เฟร์ราน ตอร์เรส, แจ็ค กรีลิช ลงล่าสกอร์
ส่วน แมนฯซิตี้ ก็ไม่ได้ต่างกันมากเพราะเเมนฯซิตี้ก็ชนะมาอยู่ 4 จาก 5 เกมหลังและยิงกระจายตลอดเวลาชนะเรียกว่าเกมรุกนั้นโหดจัด เเต่ เรือใบสีฟ้า ตลอดการเผชิญหน้าเชลซี 3 หนท้ายทุกรายการลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่สามารถชนะได้เลย เกมนี้มองว่าเลือกยากอยู่เหมือนกันแต่ดูแล้วถ้าจะให้เลือกเกมนี้ขออิงเจ้าถิ่นไว้ก่อนดูน่าได้เปรียบกว่าหน่อยๆ เชลซี ลุ้นเหนื่อยเเต่ยังไหวพอที่จะชนะได้
ขณะที่อีกคู่ ในเวลา23:30 น. ที่ สนาม เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม ระหว่าง เบรนท์ฟอร์ด ทีมอันดับ 9 พบกับ ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 2
ผลงานล่าสุดของ เบรนท์ฟอร์ด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 13 ประตูและเสีย เพียง 3 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด ส่วน ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมยังไม่แพ้ใครโดย ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ ถึง 15 ประตูและเสีย เพียง 3 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด
สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม
เบรนท์ฟอร์ด ของกุนซือ โธมัส แฟร้งค์ ฟอร์มเมื่อสัปดาห์ก่อนแกร่งมากบุกไปชนะ วูล์ฟส์ ได้ 2-0 ทั้งที่เหลือตัวผู้เล่น 10 คน เกมนี้จะพลาดใช้งาน แชนดอน บัปติสต์ มิดฟิลด์ ที่ติดโทษแบนต่อเนื่อง นอกจากนั้นจะไม่มี จอ ดาซิลวา มิดฟิลด์ และ มัดเบค โซเรนเซ่น ปราการหลัง เนื่องจากมีอาการการบาดเจ็บรบกวน
ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีม “หงส์แดง” ชนะ 4 เสมอ 1 มีสถิติเหมือนกับ เชลซี เป๊ะๆทุกอย่างทั้ง 2 ทีมนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ เกมกลางสัปดาห์ ลิเวอร์พูล บุกชนะ นอริช ใน คาราบาว คัพ โดยส่งตัวสำรองลงเพียบ งานนี้จะกลับมาใช้ตัวจริงอีกครั้ง โดยทีมต้องลุ้นความฟิตของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ นาบี เกอิต้า ขณะที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า จะพลาดการลงสนามในนัดนี้เพราะอาการบาดเจ็บ
คู่นี้มองว่า เจ้าบ้าน เบรนท์ฟอร์ด หากมองถึงชื่อชั้นเทียบกันกับทีมเยือนไม่ได้เลย ซึ่ง ลิเวอร์พูล เกมนี้มีโจทย์เดียวที่จะต้องทำให้ได้นั่นก็คือการเอาชนะเพื่อที่จะรักษากลุ่มผู้นำต่อไป ฉะนั้นไม่มีอะไรต้องคิดมากสำหรับเกมนี้ เเม้จะมีนักเตะหลายรายที่ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ แต่ประสิทธิภาพการเข้าทำของนักเตะทีมเยือนที่เหลือก็ยังมีทีเด็ดที่ขาดกว่าเจ้าบ้าน แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากสำหรับการเก็บชัยเกมนี้ของลิเวอร์พูล
.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news