การเมืองโลกการเมืองลุง หั่นส่งออกไทย กำลังเห็นอนาคตสดใส การส่งออกไทยกำลังไปได้ดีจากตลาดโลกที่ฟื้นตัว
เครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่มีเหตุให้ต้องคิดมากเมื่อล่าสุด มีข่าวว่าจีนยื่นขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ต่อนิวซีแลนด์ ในฐานะประเทศผู้รับฝากความตกลง เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา คงจะไม่รู้สึกอะไร หากประเทศจีนไม่ใช่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเวลานี้ การขยับตัวของจีนปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบกับไทยแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจเป็นบวกหรืออาจเป็นลบ
โดยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า การส่งออกของไทยยังถือเป็นความหวังในการพลิกเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ จากนโยบายและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐกับเอกชนแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับการส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้การส่งออกขยายตัวร้อยละ 16.2 เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ร้อยละ 4 และมั่นใจว่าการส่งออกที่เหลือหลังจากนี้จะยังคงขยายตัวเป็นบวกได้
แต่ต้องยอมรับว่าการแข่งขันหลังจากนี้จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยจะต้องปรับตัวรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีต่างๆซึ่งประเทศพัฒนาแล้วจะนำออกมากำหนดเป็นกฎเกณฑ์กติกาการค้าโลก เพื่อรักษาบทบาทการเป็นผู้นำการค้าของตัวเองเอาไว้
การขอเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ของจีนก็เช่นกัน กระทบกับประเทศไทยอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากจีนต้องมีการปรับมาตรฐานการผลิตการส่งออกสินค้าตามกติกา CPTPP จะมีมาตรฐานใหม่ในการนำเข้า-ส่งออกหรือไม่ ประเทศไทยต้องทำอย่างไร กับการเปลี่ยนแปลงของคู่ค้าอันดับ 1
เพราะไทยเองเวลานี้ความคืบหน้า CPTPP ถือเป็น 0 ยังไม่ได้ตัดสินใจไปในทิศทางใด ด้วยเหตุปัจจัยในประเทศ การคัดค้านจากหลายฝ่าย รวมถึงการสนับสนุนของภาคเอกชน โดยยังไม่มีข้อสรุปจากรัฐบาล จะไฟเขียวให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือไม่
เมื่อจีนขยับ สหรัฐก็ขยับด้วย ล่าสุดจับมือเป็นไตรภาคี กับสหภาพยุโรปและออสเตรเลีย เพิ่มความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก คงต้องเปิดตำราวิเคราะห์การเมืองโลกทิศทางจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนที่สุดการเมืองผูกติดกับเศรษฐกิจอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จีน-สหรัฐ มหาอำนาจ 2 ขั้ว ขยับตัวกระทบกับเศรษฐกิจโลกแน่นอน
จังหวะเวลานี้การตัดสินใจของไทยคงต้องรอบคอบ จับมือกับฝ่ายใดไม่ให้กระทบความมั่นคงทั้งเศรษฐกิจและการเมือง การวางตัวเป็นคู่ค้าของทุกประเทศพร้อมสนับสนุนการผลิตให้กับทุกตลาด หาทางออกให้การค้าไทยไม่สะดุด หากเกิดสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่
ด้านภาคเอกชน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย มองว่า หมดเวลาเกรงใจ ประเทศไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อม กรอบการเจรจาต่างๆ ในเวทีการค้าโลก โดยเฉพาะ CPTPP ต้องมีความคืบหน้า ใครเสียหายก็ชดเชย แต่ประเทศต้องเดินหน้าต่อไป สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง หากเดินช้าแต้มต่อของไทยจะยิ่งลดลงการส่งออกที่ยังทำได้เวลานี้อาจถูกปิดประตูอีกครั้งเมื่อคู่ค้ามีทางเลือกที่ดีกว่า เพราะการเมืองโลกเริ่มเกรงใจกันน้อยลง ไม่มีภูมิคุ้มกันอาจเจ็บหนักได้ในอนาคต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news