ลุ้นเปิดประเทศธุรกิจ จี้ลุงตู่ปรับแผนรุกศก.
เหมือนจะมองเห็นอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ล่าสุด ย้ำชัดเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ติดลบแน่นอน ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นจากการประชุมรอบก่อน ที่มองว่าเศรษฐกิจจะติดลบร้อยละ 0.5 แต่ในครั้งนี้มองเศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0 ถึง 1
โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน บอกว่า ที่ประชุม กกร. มองสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีการปรับตัวดีขึ้น หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มชะลอตัว การจัดสรรวัคซีนและการกระจายวัคซีนในต่างจังหวัดทำได้มากขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถทยอยเปิดกิจการได้
และการใช้มาตรการต่างๆของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เราเที่ยวด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นและแผนการเปิดประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
แต่ภาคเอกชนมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ของปี รัฐบาลควรมีมาตรการเสริมในเรื่องของช็อปดีมีคืนและจะต้องมีการเร่งให้ใช้ได้ก่อนช่วงไฮซีซั่นเพื่อที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางท่องเที่ยว การเติมเงินคนละครึ่งเป็น 6,000 บาท เพื่อทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้เร็วขึ้น เพราะทุกมาตรการที่ภาคเอกชนศึกษามา คนละครึ่งสะท้อน ความต้องการของประชาชนได้ดีที่สุดและทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้เร็วที่สุด
และสำหรับแผนในการเปิดประเทศของรัฐบาลนั้นถือว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้ชัดเจน แต่ทุกอย่างจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีแผนเดินหน้าชัดเจนและสามารถดูแลการระบาดของโควิด-19 ในประเทศได้
และในจังหวะนี้การเกิดคลัสเตอร์ระบาดใหม่ในต่างจังหวัด ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะจะทำให้แผนเปิดประเทศของรัฐบาลอาจต้องคิดหนักอีกครั้ง ซึ่งการผิดแผนจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ
เร็วๆนี้ภาคเอกชน จะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อแสดงจุดยืนและหารือถึงความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายปลายปี ทำให้เศรษฐกิจของประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะมาตรการของรัฐบาลที่มีอยู่ในปัจจุบันถึงแม้จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา แต่ในอนาคตบอกไม่ได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังต้องเผชิญกับปัจจัยลบ อีกกี่ปัจจัยและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศอีกมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นและสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ ที่สุดท้ายแล้วธรรมชาติจะเป็นผู้ตอบว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับวิกฤตในครั้งนี้ยาวนานแค่ไหน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news