จากคำแถลงของพรรคเพื่อไทยขับ 2 ส.ส.”ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และ พรพิพล ธรรมสาร” พ้นจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรค นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
ของวาระสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ที่มีการขับ ส.ส.ออกจากพรรค และต้องไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน หากพ้นกำหนด ไม่สามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้ จะต้องสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. โดยครั้งแรก ก็เป็นซีกฝ่ายค้านเช่นกัน เมื่อเดือนธันวาคมปี 2562 ครั้งนั้น”อนาคตใหม่” ออกมติ ขับ 4 ส.ส. “ศรีนวล บุญลือ-จารึก ศรีอ่อน-พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา และ กวินนาถ ตาคีย์” พ้นพรรค ด้วยข้อหางูเห่าในสภา และการให้สัมภาษณ์ในลักษณะโจมตีพรรค แต่ทั้ง 4 คน ก็หาสังกัดใหม่ได้ทันเวลา แม้จะทุลักทุเลบ้าง เพราะถูกกลั่นแกล้ง และย้ายข้างจากฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาลทั้งหมด “ศรีนวล”เข้าภูมิใจไทย “พ.ต.ท.ฐนภัทร” ซบพลังประชารัฐ
ส่วนอีก 2 คน ไปสังกัดพลังท้องถิ่นไทย และจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เสี่ยงปริ่มน้ำของรัฐบาลหายไป ทำให้โอกาสในการคว่ำรัฐบาลในสภา ตามกลไกค่อยๆเลือนลางไปก่อนจะขาดลอยเพราะพรรคถูกยุบ และมี ส.ส.อีก10กว่าคน ย้ายสังกัดเข้าภูมิใจไทยอีก จึงนับว่า การขับ ส.ส.ออกจากพรรคของฝ่ายค้านครั้งที่ 1 รัฐบาลเป็นฝ่ายได้กับได้ และฝ่ายค้านก็มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
ขณะการขับพ้นพรรคในครั้งที่ 2 ก็มีเหตุผลใกล้เคียงกับของอนาคตใหม่ คือ”ศรัณย์วุฒิ”ถูกกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค จากการแถลงข่าวให้ร้ายพรรคทำลายภาพลักษณ์ ขัดข้อบังคับพรรค และจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่วน “พรพิมล” เป็นการทำผิดซ้ำซาก ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ทั้งที่ถูกเตือน และลงโทษมาก่อนแล้ว 1 ครั้ง จะเห็นได้ว่า แนวทางของเพื่อไทย และ อนาคตใหม่ ที่ปัจจุบันกลายเป็น “ก้าวไกล” นั้นคล้ายกัน แต่เพื่อไทยมีความยืดหยุ่นมากกว่า แสดงให้เห็นถึงความเป็นสถาบันพรรคการเมืองมองในภาพใหญ่มากกว่า เลือกที่จะรอเวลาจนสุกงอมได้ที่ ก่อนจัดการเชือดในจังหวะที่ค่อนข้างเหมาะสม
เพราะมีข่าวลือหนาหู จะมีการยุบสภาอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวกับกติกาการเลือกตั้งก็มีการแก้ไขเข้าทางตนเองไปแล้ว ก่อนลงมือจัดการกับคนแตกแถว เพื่อเปิดทางคนใหม่ทำพื้นที่แทน และดิสเครดิต 2 ส.ส.ไปในตัวว่ามีพฤติกรรม และความผิดพลาดอย่างไร ให้ประชาชนในพื้นที่ได้เห็นประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะย้ายไปสังกัดพรรคไหนในอนาคต
ซึ่งแม้จะไม่การันตีเสียทีเดียวจะมียุบสภาในเร็วๆนี้ แต่เมื่อเลยกลางเทอมมาแล้ว การลงโทษแบบเด็ดขาด ย่อมเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยมากกว่า สามารถจัดการวางตัวเร่งทำพื้นที่ได้ทันทีแบบไม่กั๊ก พร้อมกับส่งสัญญาณถึง ส.ส.คนอื่นๆ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร หากไม่ยึดมั่น หรือมีใจหมิ่นเหม่ว่าเอนเอียง ก็อาจถูกเชือดได้ทันทีอีกเช่นกัน
ดังนั้นการขับพ้นพรรคครั้งที่ 2 เพื่อไทย ทำได้ดีกว่าอนาคตใหม่ ที่ปัจจุบันเป็นก้าวไกล และกำลังมีปัญหางูเห่าอยู่อีก 3-4 ตัว พรรครัฐบาลอาจได้ ส.ส.เพิ่ม แต่เพื่อไทยก็ได้อะไรมากกว่าที่เราเห็น อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news