สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส สงขลา ปัตตานี และยะลา ได้กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งควบคุมพื้นที่ที่พบตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่พบการระบาดหนักในชุมชนและครอบครัว ประกอบกับหลายพื้นที่ยังฉีดวัคซีนได้ไม่ถึงเป้าหมาย70% อาจเป็นสาเหตุทำให้เชื้อกลับมาระบาดเป็นวงกว้างได้
สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นได้สัมภาษณ์ นพ.อุดมเกียรติ พูนสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ได้ระบุว่าขณะนี้ในพื้นที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19ต่อวันอยู่ที่ประมาณ400-600รายโดยส่วนใหญ่มักจะระบาดหนักในชุมชน ครอบครัว และผู้ป่วยสะสมจากคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งโรงงาน มัรกัส สถานประกอบการ เป็นต้น ดังนั้นทางจังหวัดจึงมีการตรวจเชิงรุก และATKมากยิ่งขึ้นเพื่อค้นหาผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุดเนื่องจากล่าสุดยังไม่ทราบสาเหตุว่าแต่ละบุคคลได้รับเชื้อมาจากที่ใดบ้างจึงทำให้ดำเนินการการสอบสวนโรคได้ยาก และเมื่อมีการติดเชื้อภายในครอบครัวมากขึ้นจะทำให้รุนแรงกว่าจังหวัดอื่น2-3เท่าเลยทีเดียว
เบื้องต้นได้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า40%จากประชากรทั้งหมดกว่า700,000ราย อีกทั้งปัตตานียังได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาด้วยเช่นกันทำให้ประชาชนมีการตอบสนองได้ดีกว่าฉีดแบบไขว้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้สามารถฉีดได้กว่า10,000รายต่อวัน และคาดว่าในสิ้นเดือนตุลาคม 64นี้ จะฉีดครบ70% ตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนสถานการณ์โควิดจะสามารถคลี่คลายลงไปได้หากเร็วที่สุดคือ1เดือน แต่ถ้าช้าที่สุดอาจจะเป็น2เดือน ทั้งนี้ผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่มีกว่า20,000ราย และเสียชีวิตไปแล้วกว่า300ราย
นอกจากนี้ทางสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นยังได้สัมภาษณ์ นพ.ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้บอกสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ว่าขณะนี้พบการระบาดในชุมชนเป็นหลักดังนั้นทางจังหวัดจึงมีการบูรณาการตรวจเชิงรุก เชิงรับอย่างเข้มงวดโดยมีการแยกบทบาทแบ่งหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มสีแดง เหลือง กำลังรักษาตัวอยู่ประมาณ 1,100ราย ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กำลังรักษาอยู่ประมาณ3,800 ราย และทำการรักษาหายแล้วอยู่ที่ประมาณ300รายต่อวันอีกด้วย โดยได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว38%จากประชากรทั้งหมดกว่า800,000รายซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการระดมฉีดให้ประชาชนได้มากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด โดยคาดว่าอีก ประมาณ6-8สัปดาห์สถานการณ์โควิด-19จึงจะสามารถคลี่คลายลงไปได้เนื่องจากทางจังหวัดมี4เป้าหมายหลักคือ 1ป้องกันคลัสเตอร์ 2ใส่ใจป่วยหนัก 3พิทักษ์ป่วยตาย 4คลายล็อกดาวน์ ประกอบกับทำการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่แบบ New Normalให้ได้ต่อไป
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถลดการติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงต้องมีการระดมฉีดวัคซีนให้ครบ70%เพื่อป้องกันอัตราการเสียชีวิตและลดการแพร่ระบาดในวงกว้างต่อไป…
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news