นับเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่อีกครั้ง สำหรับ ประเทศไทย เมื่อนายกรัฐมนตรีเคาะแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 46 ประเทศเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว เริ่ม 1 พ.ย. ภายใต้กรอบกติกา รับวัคซีนครบโดสและเดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ จากเดิมที่วางไว้แค่ 10 ประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่ นายกรัฐมนตรี บอกว่า เราต้องยอมรับ นั่นเพราะตอนนี้ ประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในโลก ต่างก็มีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้
แน่นอนว่า การเพิ่มจำนวนประเทศเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว มีเป้าหมายสำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจ ที่จะสร้างเม็ดเงินหล่อเลี้ยงเชื่อมโยงในหลายภาคส่วน นั่นเพราะประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับต้นๆ
โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ททท.คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาที่ประเทศไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม 2564 รวมไม่ต่ำกว่า 7 แสนคน แต่อย่างไรก็ตาม ทางททท. จะประเมินตัวเลขอีกครั้ง เนื่องจากยังมีหลายประเทศที่ยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศด้วย
“เมื่อจำนวนประเทศเพิ่มมากขึ้นก็หมายถึงกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มมากขึ้น โอกาสก็คงจะเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันต้องดูเงื่อนไขของการเดินทางออกนอกประเทศของประเทศเหล่านั้นด้วย ก็ต้องยอมรับว่าหลายประเทศอย่างเช่น ประเทศจีน ถึงแม้จะอยู่ในลิสต์ เขาเองก็ยังไม่อนุญาตออกนอกประเทศ ก็คงต้องไปดูรายละเอียดกัน รวมทั้งประเมินตัวเลขกันอีกครั้ง แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นผลดี จากเดิมที่หลายๆ ฝ่ายประเมินว่า ในช่วงสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวแค่แสนคน ผมคิดว่าเราน่าจะตั้งเป้าได้มากกว่านั้น ถ้าเราสามารถที่จะ เอาแค่ 10% ของจำนวนยอดที่เคยเข้ามาในประเทศไทยในปี 62 ซึ่งเดือนละประมาณ 3 ล้านคน เราได้ไม่น้อยกว่าประมาณเดือนละ 3 แสน น่าจะได้ประมาณสัก ก็ไม่น่าจะน้อยกว่าประมาณ 6- 7 แสนคน เพราะฉะนั้นจริงๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยากให้ตั้งเป้าไว้สัก 1 ล้านคนก่อน”
สำหรับแนวทางการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 46 ประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ผู้ว่า ททท. บอกว่า ประเทศไทยมีมาตรการป้องกันมาก ทั้งการฉีดวัคซีนครบ รวมถึงต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่า ไม่พบเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็ต้องตรวจอีกครั้ง
“จริงๆคนที่เข้ามานะครับ เราพูดง่ายๆว่าเรามีมาตรการในการป้องกันพอสมควรเลย ตั้งแต่เขาก็ต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งสาธารณสุขก็พิจารณาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะครับ เรื่องที่ 2 ก็คือ เขาจะต้องมีฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อันที่ 3 ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง เมื่อถึงประเทศไทยก็มีการตรวจอีกครั้ง ถ้าเกิดเข้าพื้นที่ที่เรากำหนด ซึ่งถ้าดูจากตัวอย่างของภูเก็ตแซนด์บอกซ์ มีการติดเชื้อ 0.3% เพราะฉะนั้นผมคิดว่าความกังวลตรงนี้เราได้คำนึงถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อันที่ 2 ยังไงเราก็ต้องอยู่กับโควิดตั้งนาน มันคงไม่ได้แค่กังวลแค่คนที่เข้ามา แต่เราเองต้องปฏิบัติตนอย่างไร ในการที่รัฐบาลบอกไม่ว่าจะเป็นโควิดฟรีเซตติ้งก็ดี หรือเรื่อง Universal Prevention อันนี้ต้องให้ความสำคัญ ส่วนคนไทยเองการ์ดจะต้องไม่ตก”
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาความคืบหน้าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุ แม้สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น และวัคซีนที่กระจายตัวอย่างต่อเนื่องช่วยเตรียมความพร้อมต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยว วันที่ 1 พ.ย. 2564 ของไทยได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าความเสี่ยงยังคงมีอยู่ เนื่องจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวก็เป็นการเปิดโอกาสให้โควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำได้เช่นกัน โดยหากอ้างอิงจากกรณีของสิงคโปร์จะพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อของสิงคโปร์กลับมาเพิ่มขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายวันเดือน ต.ค.2564 มีราว 3,000 ราย สูงกว่าเดือน ส.ค. และ ก.ย. 2564 ที่ 83 และ 963 ราย
ส่งผลให้บางประเทศ เช่น สหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่สิงคโปร์อนุญาตให้เดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องกักตัว ยกระดับคำเตือนของสิงคโปร์เพิ่มจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ที่เป็นระดับสูงสุด ส่งผลให้ความเสี่ยงการกลับมาระบาดยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับไทยต่อไปนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news